สกสว.กระเตง7นักวิชาการ??? รับให้ทุนแล้วให้เสรีภาพด้วย วิจัยกำมะลอทำได้??? ถ้าโดนด่ารับเอาเอง

0

จากกรณีมีการนำเรื่องฆ่าตัวตายมาปั่นกับกระแสโควิด-19 โดยนักวิชาการ 7 รายอ้าง”การวิจัย”โดยเอาตัวเลขฆ่าตัวตาย 38 คน ระหว่างวันที่1-21 เมษายน 63 มาโยงว่าเป็นเพราะความผิดพลาดในนโยบายของรัฐนั้น ซึ่งมีการวิจารณ์ถึงสกสว.ด้วยนั้น

ล่าสุดวันนี้(28เม.ย.63) เฟซบุ๊ก สกสว. ได้โพสต์อ้างคำชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กรณีการแถลงผลการรวบรวมข้อมูลผู้เสียชีวิตและคนที่ฆ่าตัวตายฯ ของคณะนักวิจัย โครงการ “คนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง”

กรณีการแถลงผลการรวบรวมข้อมูลผู้เสียชีวิตและคนที่ฆ่าตัวตายฯของคณะนักวิจัยโครงการ “คนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง” ซึ่งได้รับความความสนใจจากสื่อมวลชนและสังคมเป็นวงกว้างนั้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.นักวิจัยคณะดังกล่าว เป็นคณะนักวิจัยในโครงการ “คนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง : การสังเคราะห์ภาพรวม” (Dynamics of Urban Poor in the Changing Urban Society) ซึ่งรับทุนสนับสนุนการวิจัยไว้เมื่อปี พ.ศ.2562 และยังดำเนินการวิจัยอยู่ จึงยังไม่มีรายงานฉบับสมบูรณ์ของการวิจัยดังกล่าว แต่คณะนักวิจัยได้มีข้อค้นพบระหว่างการวิจัยที่คณะนักวิจัยเห็นว่ามีความสำคัญ จึงจัดการแถลงข่าวดังที่ปรากฏ แต่มิใช่ขั้นตอนที่ สกสว. กำหนดให้ดำเนินการ

  1. หลักปฏิบัติซึ่งใช้กับทุกโครงการวิจัย และเป็นข้อความที่กำหนดอยู่ในสัญญารับทุนวิจัยด้วย คือ ความเห็นที่เผยแพร่นั้นเป็นของผู้วิจัย สกสว.ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป ทั้งนี้เพราะสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว. เดิม ซึ่งเปลี่ยนมาเป็น สกสว. โดยผลของกฎหมาย) ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยในทุกสาขาวิชาการอย่างกว้างขวาง ให้ความสำคัญกับเสรีภาพในทางวิชาการของนักวิจัย และการเผยแพร่เพื่อให้ข้อมูล หรือ เพิ่มการตระหนักรู้ของสังคมย่อมเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้

การเผยแพร่นั้น นักวิจัยย่อมต้องรับคำวิพากษ์วิจารณ์ ตลอดถึงการตรวจสอบจากวงวิชาการและสังคมด้วย สกสว. ขอยืนยันว่า ในฐานะผู้ส่งเสริมระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ คำนึงถึงประโยชน์ของสังคมและประชาชน มีความมุ่งมั่นและมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ ด้วยองค์ความรู้ และผลงานวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ทั้งนี้เมื่อข้อชี้แจงของสกสว.ได้เผยแพร่ออกมาก็ปรากฏว่ามีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนหนึ่ง ซึ่ง1ในนั้นมีดร.เวทิน ชาติกุล ผู้อำนวยการสถาบันทิศทางไทย ได้เข้าร่วมคอมเมนต์ด้วยว่า

Wathin Chatkoon ขอให้เปิดเผยงบประมาณ​ ชื่อผู้ทรงที่รับรอง​การวิจัย​ และชื่อผู้ทรงที่ตรวจทาน(reader). เพื่อธรรมาภิบาล​ขององค์กรและวงวิชาการ #เปิดงบวิจัย

สงสัยต้องล้างบางหรือรื้อหน่วยงาน หรือให้ใครไปตรวจสอบหน่วยงานนี้บ้างแล้วนะครับ ผมมีลางสังหรณ์ว่ากลิ่นตุๆ

Wathin Chatkoon ข้อเท็จจริงก็คือ อ.ธเนศ​ อาภรณ์สุวรรณ​ นั่งเป็นบอร์ดอยู่ใน​ สกสว.

อ.ธเนศ​ และ​ 7​ นักวิจัย​ “ทุกคน” (ย้ำว่าทุกคน)​เคยลงชื่อในแถลงการณ์​ของ​ 69​ นักวิชาการที่เคยออกมาแถลงช่วยพรรคอนาคตใหม่​ (https://www.matichon.co.th/politics/news_1438921)​

69 นักวิชาการ มหาลัยทั่วปท. ร่อนแถลงการณ์คุกคามพรรคการเมือง คือ บ่อนทำลายปชต.MATICHON.CO.TH

คือถึงแม้บุคคลเหล่านี้จะมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองอย่างไร ผมก็ว่าไม่ใช่ประเด็นหลักหรอกครับ

ประเด็นสำคัญคือ งานชิ้นนี้ที่นำเสนอออกมา ต้องเรียกได้ว่า “เป็นความล้มละลายของผลงานทางวิชาการ” มากกว่า คือ มันผิดหลักการ ระเบียบการวิจัย

Wathin Chatkoon  เห็นด้วยครับ​ แต่ความพังพินาศส่วนใหญ่มันจะมาจากอคติ​ หรือ​ อเจนด้า​ ส่วนตัวครับ​ ในวงการนักวิทยาศาสตร์ก็มีเหมือนกันหมด​

Wathin Chatkoon Tew Pacha อีกประเด็นคือทุกคนไม่ใช่นักวิจัยหน้าใหม่​ มีตำแหน่ง​ ศ.​ รศ.​ ผศ.​ทุกคน​ คำถามคือ​ แล้วที่ผ่านๆมาทำกันแบบนี้หรือเปล่า​ แต่ไม่เป็นประเด็น​ และต้องตั้งคำถามไปถึงระบบการให้ตำแหน่งเหล่านี้ด้วยว่าทำกันตรงไปตรงมาหรือไม่ พูดง่ายๆคือ​ วิจัยชิ้นเดียว​ อาจทำให้เห็นความเละเทะของวิชาการเมืองไทยทั้งระบบหรือไม่?

งานนี้ต้องยาวนานและต่อเนื่องนะครับอาจารย์ เราปล่อยให้นักวิชาการกลุ่มหนึ่งใช้ความไม่เป็นเหตุเป็นผลบิดเบือนสร้างความสับสนให้สังคมมาหลายปีเกินไปแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมาโครงการวิจัยคนจนเมืองที่เปลี่ยนไปในสังคมเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลง ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) แถลงข่าว ผลการรวบรวมข้อมูลผู้เสียชีวิตและคนที่ “ฆ่าตัวตาย” จากไวรัส COVID-19

โดยมีนักวิจัย ประกอบด้วย 1.ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2.รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 3.รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4.ผศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5.รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ 6.ผศ.ดร.ธนิต โตอดิเทพย์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 7.ผศ.ดร.ธนพฤกษ์ ชามะรัตน์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ที่มาเฟซบุ๊ก : สกสว. https://www.tsri.or.th/…/