ขย่มดอลลาร์!? จีนตุนทองเพิ่มเป็นเดือนที่ ๘ ยอดรวม ๒,๓๓๐ ตันขยับที่ ๕ โลก เตือนเยลเลนเมกายิ่งบีบจ่อแยกทาง

0

สงครามเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มมหาอำนาจเดี่ยวแองโกลแซกซอนและกลุ่มโลกหลายขั้วยังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้น จีนซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำโลกหลายขั้วยังคง

ลดถือครองพันธบัตรอเมริกันและเงินสกุลดอลลาร์ โดยจีนได้สะสมทองคำเพิ่มอีก ๒๓ ตันในเดือนมิถุนายน นับเป็นเดือนที่ ๘ ติดต่อกันแล้วตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้ยอดรวมทองคำสำรองของจีนเพิ่มขึ้นเป็น ๒,๓๓๐ ตันนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๐๒๒ พบว่าจีนซื้อทองคำเข้าพอร์ตเป็นปริมาณรวม ๑๘๓ ตัน และถือเป็น ๑ ในผู้ซื้อรายใหญ่ของโลกของปีนี้ 

สถานะล่าสุดเงินทุนสำรองต่างประเทศทั้งหมดของจีนรวมดอลลาร์ ทองคำ และสกุลเงินหรือสินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น ๓.๑๙๓ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้จีนยังครองตำแหน่งประเทศที่มีเงินทุนสำรองมากที่สุดในโลก ทิ้งห่างจากญี่ปุ่นที่มีทุนสำรองอันดับ ๒ ของโลกที่ราว ๆ ๑.๒๕ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่กลุ่มBRICS นำโดย ๕ เสือเศรษฐกิจ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้และอีกหลายประเทศกำลังก่อร่างสร้างระบบใหม่ที่ทำงานนอกเหนือจากระบบเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เปิดตัวเงินสกุลร่วมทางเลือกใหม่หลังเทดอลลาร์

การมาเยือนของรมว.คลังสหรัฐฯ หลายฝ่ายมองว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้สินของสหรัฐฯที่ครองอันดับ๑ หนี้สาธารณะมากที่สุดในโลกไปแล้ว และจีนเป็นเจ้าหนี้อันดับสองของสหรัฐฯรองจากญี่ปุ่น

รายงานล่าสุดเยเลนเข้าพบนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงการคลังจีนซึ่งออกมาเตือนเรื่องสงครามการค้าและ ‘การแยกทาง’

Treasury Secretary Janet Yellen, right, arrives at Beijing Capital International Airport as Yang Yingming, center, Director General of the Department of International Economic Relations of China’s Ministry of Finance, looks on, in Beijing, China, Thursday, July 6, 2023. (Pedro Pardo/Pool Photo via AP)

วันที่ ๘ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์รายงานว่า เจเน็ต เยลเลนรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เดินทางเยือนปักกิ่ง ๔ วัน วันแรกให้สัมภาษณ์ว่า “สหรัฐฯ ไม่ได้พยายามที่จะ“แยก”เศรษฐกิจของตนออกจากจีน เนื่องจากจะทำให้ตลาดโลกสั่นคลอน การแข่งขัน ที่ “ดีต่อสุขภาพ”นั้นเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ

เธอระบุว่ามีเป้าหมายเพื่อพัฒนา”ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและสร้างสรรค์”ระหว่างทั้งสองประเทศ เยลเลนย้ำว่า “การแยกตัวของสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกจะทำให้เศรษฐกิจโลกสั่นคลอน และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเช่นนั้น”

เยลเลนย้ำความกังวลเกี่ยวกับการควบคุมการส่งออกแร่สำคัญของปักกิ่ง หลังจากที่จีนประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป จะต้องมีใบอนุญาตพิเศษในการส่งออกแกลเลียมและเจอร์เมเนียม ซึ่งเป็นโลหะหลัก ๒ ชนิดที่ใช้ในการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ นอกจากชกหมัดตรงอุตฯชิปแล้วยักกระทบอุตฯผลิตอาวุธของสหรัฐฯด้วย

เยลเลนกล่าวในการประชุมกับธุรกิจของสหรัฐในกรุงปักกิ่งว่า “เรายังคงประเมินผลกระทบของการกระทำเหล่านี้ แต่สิ่งเหล่านี้เตือนเราถึงความสำคัญของการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นและหลากหลาย” 

ด้านหลิว คุน(Liu Kun)รมว.กระทรวงการคลังของจีนแสดงความหวังว่าจีนและสหรัฐฯ จะสามารถปรับปรุงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าของพวกเขาได้ และส่งเสริมความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายผ่านการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม โดยเน้นว่าจะไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือ “การแยกทาง”

หลี่ หยง(Li Yong) นักวิจัยอาวุโสของสมาคมการค้าระหว่างประเทศของจีนกล่าวกับ Global Times เมื่อวันศุกร์“ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายจีนหวังว่าจะไม่เพียงจัดการกับความแตกต่างระหว่างสองประเทศ แต่ยังขอให้ปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคีด้วย” 

นี่เป็นการตอบโต้ต่อหลักการด้านเดียวของสหรัฐฯ ที่เป็นพิษต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯกับจีน ตลอดจนนโยบายต่างประเทศแบบสองหน้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีน

หลี่อ้างถึงคำปราศรัยของเยลเลนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาตอกย้ำนโยบายสหรัฐฯ ที่เรียกว่าการปราบปรามของสหรัฐฯ ต่อภาคส่วนชิปของจีนเป็นไปเพื่อความมั่นคงของชาติ สิ่งนี้ยังคงอยู่และมีแต่จะเพิ่มขึ้น

อีกด้านหนึ่ง หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้พบกับรัฐมนตรีคลังสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้สหรัฐรักษาทัศนคติที่ “มีเหตุผลและปฏิบัติจริง” และทำงานร่วมกับจีนเพื่อนำความสัมพันธ์ทวิภาคีกลับคืนสู่แนวทางที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุด 

นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวย้ำว่าวัฒนธรรมจีนให้ความสำคัญกับสันติภาพเหนือสิ่งอื่นใด ตรงข้ามกับความเป็นเจ้าโลกและการกลั่นแกล้ง 

หลี่ ไห่ตง ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยการต่างประเทศจีนกล่าวกับ Global Timesว่า “ในขณะที่สหรัฐฯ ยังคงจิกกัดและสร้างปัญหามากมาย ความสัมพันธ์ทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้า จะยังคงเป็นอุปสรรคของการฟื้นฟูความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และสิ่งนี้จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”