จากกรณีที่ปรากฏถึงการเข้าไปสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจนของบรรดาชาติยุโรป ในนามของนาโต้ หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งมีความเคลื่อนไหวจากชายแดนที่น่าจับตาในการเตรียมใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้น
ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวล่าสุดในวันนี้ 07 กรกฎาคม 2566 Blockdit World Update ที่ออกมาโพสต์ข้อความถึงท่าทีของรัฐบาลรัสเซียในการกำหนดเป้าหมายว่าจะใช้นิวเคลียร์ว่า
“คู่หูประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย นาย Dmitry Medvedev รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย สายฮาร์ดคอร์ เขาได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์รัสเซีย เรื่อง ยุคแห่งการเผชิญหน้า
ระบุว่าช่วงปี 2565-2566 จะเป็นช่วงเวลาแห่งความแตกแยกทางอารยธรรมมากที่สุด เป็นจุดสูงสุดของวิกฤตการดำรงอยู่ของมนุษยชาติในศตวรรษที่ 21 โลกกำลังเผชิญหน้าครั้งเลวร้ายยิ่งกว่าในช่วงวิกฤตแคริบเบียน
เพราะฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียว สัมพันธมิตรของ NATO ตัดสินใจที่จะเอาชนะชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์ที่มากที่สุดในโลก นั่นคือรัสเซีย ซึ่งหมายความว่ารัสเซียจะไม่มีข้อห้ามการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพราะไม่ผูกพันกับสนธิสัญญาใดๆ
รัสเซียจะระงับความสัมพันธ์ทางการทูตชั่วคราวกับฟินแลนด์ โปแลนด์ ชาติในย่านทะเลบอลติก และสหราชอาณาจักร ระบอบการปกครองของยูเครนจะถูกทำลายล้าง
สถานการณ์สงครามในยูเครน ไม่ใช่ความขัดแย้งในระดับภูมิภาค แต่เป็นการเผชิญหน้ากันโดยตรงระหว่างชาติตะวันตก กับรัสเซีย ซึ่งจะกินเวลานานหลายทศวรรษ
การยั่วยุของชาวตะวันตกต่อรัสเซียที่รุนแรงเกินไป จะทำให้รัสเซียจำเป็นต้องตอบโต้กลับอย่างรุนแรง แต่รัสเซียจะบรรลุเป้าหมายและขจัดภัยคุกคามจาก NATO
จะทำให้โลกเข้าสู่ระยะของสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ อันตรายยิ่งกว่าวิกฤตขีปนาวุธคิวบา คราวนี้จะเกิดโรคระบาด ความอดอยากจะมาเยือนไปทั่วโลก
ผลลัพธ์ของการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและตะวันตกจะต้องถูกจารึกรวบรวมไว้ในเอกสารประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของโลกที่สหประชาชาติก็ไร้ความหมาย
วิเคราะห์ว่าขณะนี้ภายในรัสเซีย ผู้บริหารระดับสูงและสังคมกำลังหารือกันอย่างจริงจังในการใช้อาวุธนิวเคลียร์กับทวีปยุโรป ว่าจะใช้ในรูปแบบใดจากทางการรัสเซีย เบลารุสโดยตรง
หรือใช้โดยนักรบ Wagner สาขาเบลารุส แต่ตามทิศทางเบื้องต้นจะไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน เพราะใกล้เขตกัมมันภาพรังสีเกินไป และเป็นพี่น้องกันที่ถูกยุโรปหลอกใช้เท่านั้น จึงไม่มีประโยชน์อันใด
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีช่วงใดที่ทวีปยุโรป จะเสี่ยงสูงจากนิวเคลียร์ในระดับนี้มาก่อน จนเมื่อสหภาพยุโรปผลักดันตัวเองเข้ามาทำสงครามรุมรัสเซียทั้งอาวุธและเศรษฐกิจ จึงเกิดเงื่อนไขสมบูรณ์โดยชอบธรรมที่จะถูกโจมตีตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ในปัจจุบัน
เมื่อจุดนั้นมาถึง สหรัฐฯ ย่อมจะถอยกรูดเอาตัวรอดหดเข้ากระดอง ไม่กล้าเสี่ยงมาช่วยยุโรปให้เปลืองตัว ลอยแพให้โดนถล่มนิวเคลียร์จนหมดสภาพ ร้างผู้คนจากโรคระบาด ความอดอยากแน่นอน”