จากกรณีที่มีรายงานว่า ทหารอเมริกัน 2 นาย ได้หลบหนีจากยูเครนกลับไปถึงบ้านเอาตัวรอด ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เตือนนักรบรับจ้างอื่นๆว่า การรบกับทหารรัสเซียน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่าการรบในอิรักหรืออาฟกานิสถาน
สามารถโดนถล่มด้วยปืนใหญ่ ปืนรถถังทุกเมื่อ ไม่มีที่ซ่อนตัวเสียด้วย เมื่อออกไปปฎิบัติภารกิจ ไม่ต่างอะไรกับการพากันออกไปตาย เมื่อถูกล้อมจะไม่มีกองทัพใดๆ มาช่วย จะไม่พากันกลับไปหาสงครามแบบนี้อีกแล้ว ยังโชคดีที่ได้กลับมาเตือนให้คนอื่นฟัง
ล่าสุดวันนี้ (6 กรกฎาคม 2566) ทาง Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า หลัง ก.พ.2565 มีนักรบชาวต่างชาติหลายหมื่นนาย หลั่งไหลเข้ามาร่วมกองกำลังผสมนานาชาติ ฝ่ายสัมพันธมิตร NATO แล้วแต่งเครื่องแบบทหารยูเครน ทำสงครามเต็มรูปแบบกับรัสเซีย เวลา 1.5 ปี ผ่านไปส่วนใหญ่ เสียชีวิตและส่วนน้อยถูกจับเป็นเชลย ที่เหลือนับคนได้ เผ่นออกจากยูเครน
เดวิด บรามเล็ตต์ หน่วยแรมโบ้ของสหรัฐฯ ที่มีประสบการณ์การสู้รบ 3 ประเทศยอมรับว่า การต่อสู้ปะทะกับกองทัพรัสเซียนั้น ภารกิจที่ยาก เหมือนเอาชีวิตไปทิ้ง ไม่มีอะไรเหมือนกับการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธชาวบ้านท้องถิ่นในสงครามรุกรานอิรักและอัฟกานิสถาน “วันที่เลวร้ายที่สุดที่โน่น เทียบแล้วยังเป็นวันที่ดีที่สุดในสมรภูมิยูเครน” เพราะที่นี่การสื่อสารไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีการสนับสนุนทางอากาศ ไม่มีปืนใหญ่ยิงสนับสนุน มีข้อจำกัดด้านข่าวกรอง การตรวจตรา และการลาดตระเวน ทหารอเมริกัน จะส่งหน่วยสอดแนมปลายแถวออกไปก่อนเสมอ
แต่จะไม่ได้ยินข้อมูลอะไรตอบกลับมาเลย จนกว่าพวกเขาจะรอดชีวิตกลับมาในระยะสายตา อาจเป็น 1-2 วันต่อมา ถ้าใครได้รับบาดเจ็บ ก็จะไม่มีเฮลิคอปเตอร์มารับไปรักษา การบุกลงไปทางใต้ชายแดนรัสเซีย จึงทำไม่ได้จริงๆ
ช่วงแรกทหารชาวต่างชาติหน่วยกรีนเบเร่ต์สหรัฐ จำนวนมากเข้าไปร่วมทำสงครามในยูเครน ต่างคิดว่าเป็นโอกาสที่จะได้รับเงินและประสบการณ์การสู้รบ ทำการปล้นทุกสิ่งจากชาวบ้านท้องถิ่น ตั้งแต่ยานพาหนะไปจนถึงของใช้ในครัวเรือน
เมื่อเดินทางเข้าสู่แนวหน้า พวกเขาพบว่าไม่สามารถกลับไปได้ เพราะโดนลูกยาวรัสเซียถล่มอย่างหนักด้วย “กำปั้นเหล็ก” ปืนใหญ่รถถัง เครื่องบินทิ้งระเบิดอย่างน่าสยดสยอง พวกเขาถูกผลักดันเข้าสู่เครื่องบดเนื้อ ตระหนักว่าการบุกไปต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย ที่คอยสวนด้วยปืนใหญ่ และการทิ้งระเบิดทางอากาศนั้น ไม่มีอะไรเหมือนกับสงครามที่ชาวตะวันตกคุ้นเคยในตะวันออกกลาง แอฟริกา และอัฟกานิสถาน
ช่วงหลังมาทหารแรมโบ้ต่างชาติ รู้สึกท้อแท้ หลังจากเห็นเพื่อนๆ นักรบต่างชาติถูกทหารรัสเซีย จับเป็นเชลย หรือสังหารนับไม่ถ้วน พวกที่พอรอดชีวิตได้ข้อสรุปว่าจะไม่กลับไปต่อสู้อีก จึงพยายามจะเผ่นกลับบ้าน พวกเขาบางคนหันเหมารับจ้างทำงานแนวหลังค้นหาและเคลื่อนซากร่างทหารอเมริกันไปฝัง และบอกคนที่กำลังจะเดินทางไปรบในยูเครนว่า “ไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาอีกแล้ว”
สถานีโทรทัศน์ CBS ของสหรัฐฯ รายงานว่า เอียน แฟรงค์ ทอร์โตริชี ทหารนาวิกโยธินหน่วยเทพ พร้อมเพื่อนทหารต่างชาติ เดินทางมาร่วมกองกำลังผสมนานาชาติ ฝ่ายสัมพันธมิตร NATO ในยูเครน เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2566
แต่ไม่กี่วันก่อนกองทัพรัสเซียปล่อยขีปนาวุธถล่มจุดรวมพลในอาคารเมืองครามาเตอร์สค์ ภาคกลางยูเครน ถูกสังหารพร้อมผู้บัญชาการ และเพื่อนทหารต่างชาติอีกหลายสิบนาย อยู่ใต้ซากอาคาร โดยญาติชาวอเมริกันของเขายืนยันแล้ว
ล่าสุดมีการจัดงานรำลึกถึง Fadeenko ผู้บัญชาการระดับสูงของกองพัน Kraken ที่แปลงร่างมาจากกองพัน Azov ที่ถูกกองทัพรัสเซีย เสียชีวิตหมดแล้ว มีบรรดาผู้นำกองพัน Kraken มารวมตัวกันในขบวนรำลึก ในเมือง Pervomaisky แคว้น Kharkov ตะวันออกของยูเครน ทำให้สายลับรัสเซีย ส่งข้อมูลแจ้งไปยังกองทัพ
ใช้ดาวเทียมติดตามขบวนเมื่อสบช่องจึงสั่งโจมตีขีปนาวุธทางอากาศปลิวมาลงกลางขบวนกลุ่มผู้นำของกองพัน Kraken เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ร่างบรรดาผู้นำทหารกระเด็นไปคนละทิศละทาง รถยนต์จำนวนมากพรุนไฟไหม้
วิเคราะห์ว่า..สถานที่ที่ใดมีอาวุธเทพ ผู้บัญชาการ และพวกทหารแรมโบ้กรีนเบเร่ต์ นาวิกโยธินต่างชาติ รวมทั้งพวกฮาร์ดคอร์ยูเครน รวมตัวกัน พิกัดนั้นอันตรายมากที่สุดจะเป็น “แม่เหล็กเป้าหมาย” การโจมตีทางอากาศจากรัสเซีย
พลเรือนจำเป็นต้องรีบหนีห่างไกลที่สุดจากจุดนั้นเท่าที่จะทำได้ในทุกตารางนิ้วบนดินแดนยูเครน เพราะอีกไม่กี่นาทีจากนั้นจะมีลูกยาวกองทัพรัสเซีย พุ่งมาลงกลางวงกลุ่มนักรบแรมโบ้เหล่านั้นจนกระจัดกระจาย จะไม่มีนักรบแรมโบ้รายใดในระยะ 300 กม.จากชายแดนรัสเซีย จะปลอดภัยจากลูกยาวกองทัพรัสเซียได้นานนัก เพราะต้องการสร้างเขต “ปลอดชีวิตทหาร” ต่อให้ฝ่ายสัมพันธมิตรขนนักรบแรมโบ้มาอีกสักเท่าใด ก็จะกลับบ้านเก่าแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.blockdit.com/world.update
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454