น่าสังเกตุว่าวันสองวันนี้เซเลนสกี้ออกมาดิ้นมาก เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย ป่าวร้องว่ารัสเซียจะถล่มโรงไฟฟ้าฯ ทั้งๆที่อยู่ในความควบคุมของรัสเซียสถานการณ์คล้ายกรณีถล่มเขื่อนพลังไฟฟ้าที่เคอร์ซอน
ด้านเครมลินเตือนถึง ‘ภัยคุกคามระดับสูง’ ของการก่อวินาศกรรมนิวเคลียร์โดยยูเครน มุ่งเป้าที่สถานการณ์รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporozhye ยังคงตึงเครียด ต้องไม่ลืมว่าเขตซาโปริชเชียบางส่วนยังอยู่ในความควบคุมของยูเครนแม้ในการลงประชามติจะลงคะแนนขอเข้ารวมกับรัสเซียกว่า ๘๐% พื้นที่นี้จึงอ่อนไหวที่สุดในแนวสู้รบสงครามตัวแทนยูเครน
Zaporozhye NPP ซึ่งตั้งอยู่ใน Energodar เป็นโรงงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป กำลังการผลิตรวมของเครื่องปฏิกรณ์หกเครื่องอยู่ที่ประมาณ ๖,๐๐๐ เมกะวัตต์ ปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 โรงงานแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังรัสเซีย ตั้งแต่นั้นมา กองทัพยูเครนได้ทิ้งระเบิดเป็นระยะๆ ทั้งย่านที่อยู่อาศัยของ Energodar และพื้นที่ของ ZNPP โดยใช้โดรน ปืนใหญ่อัตตาจร และระบบจรวดหลายลำกล้อง (MLRS)
วันที่ ๖ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ดมิทรี เปสคอฟ(Dmitry Peskov) โฆษกของเครมลินออกมาย้ำถึง ความพยายามของยูเครนที่เป็นไปได้ในการก่อวินาศกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปในเขต Zaporozhye ของรัสเซีย อาจนำไปสู่ ผลลัพธ์ที่ “หายนะ”
เปสคอฟกล่าวกับนักข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “สถานการณ์รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๖๕ ยังคง“ตึงเครียด”“จริงๆ แล้ว มีภัยคุกคามสูงจากการก่อวินาศกรรมโดยระบอบการปกครองของเคียฟ การก่อวินาศกรรมที่อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่หายนะ”
Peskov เตือนเครียดว่า “การโจมตีสถานที่ดังกล่าวไม่สามารถตัดออกได้ เนื่องจากผู้นำยูเครน“แสดงเจตนาหลายครั้งว่าพร้อมที่จะหยุดยั้งทำลาย”เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
เขากล่าวว่าตัวอย่างหนึ่งคือการพังทลายของเขื่อนคาคอฟกาที่ควบคุมโดยรัสเซียเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งมอสโกกล่าวโทษเคียฟ เหตุการณ์ดังกล่าวมี“ผลลัพธ์ที่เลวร้าย”โฆษกเครมลินระบุ การทำลายเขื่อนทำให้เกิดน้ำท่วมทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ Dnieper และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ยูเครนอ้างว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากรัสเซียแต่เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ที่ได้ประโยชน์จากการทำเช่นนี้คือเคียฟ
เปสคอฟย้ำว่า“มาตรการทั้งหมดกำลังดำเนินการเพื่อต่อต้านภัยคุกคาม ต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporozhyeอย่างเข้มข้น”
เรนัต คาร์ชา(Renat Karchaa) เจ้าหน้าที่อาวุโสของบริษัท โรเซเนอร์โกตอม (Rosenergoatom) ผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของรัสเซีย เตือนเมื่อวันอังคารว่าเคียฟกำลังวางแผนที่จะโจมตีโรงงาน Zaporozhye ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ระยะไกลที่มีความแม่นยำสูงและโดรนกามิกาเซ่
Karchaa อ้างว่า “ข่าวกรองที่ได้รับจาก Rosenergoatom บ่งชี้ว่าเคียฟสามารถพยายามกำหนดเป้าหมายโรงงานด้วยขีปนาวุธทางยุทธวิธี Tochka-U ที่ผลิตโดยโซเวียตซึ่งเต็มไปด้วยกากกัมมันตภาพรังสี”
ที่ผ่านมามอสโกว์และเคียฟต่างกล่าวหากันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทำลายโรงงาน Zaporozhye ตลอดความขัดแย้ง กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่าได้ขับไล่ความพยายามหลายครั้งในการยึดสถานีคืนโดยหน่วยจู่โจมของยูเครน ซึ่งมีรายงานว่าได้เข้าใกล้สถานที่ดังกล่าวด้วยเรือผ่านอ่างเก็บน้ำ Kakhovka ที่ตอนนี้ถูกระบายออกแล้ว
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporozhye กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเคียฟอ้างว่ารัสเซียกำลังเตรียมเหตุการณ์นิวเคลียร์ที่โรงงานแห่งนี้ ปธน.เซเลนสกี กล่าวหาว่ามอสโกว์ต้องการทำให้เกิด”การรั่วไหลของรังสี”ที่โรงงาน ขณะที่ผู้ช่วยประธานาธิบดี มิคาอิล โปโดลิอัค กล่าวหาว่ากองทัพรัสเซียวางทุ่นระเบิดเหมืองบ่อหล่อเย็นของโรงงาน
Peskov ปฏิเสธคำกล่าวหาเหล่านั้นว่าเป็น“การโกหกอีกครั้ง” หัวหน้าสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ราฟาเอล มาริอาโน กรอสซี เพิ่งเยี่ยมชมโรงงานและกล่าวว่า“ไม่พบทุ่นระเบิดในบริเวณดังกล่าว”ระหว่างการตรวจสอบแต่อย่างใด
อีกเสียงหนึ่งที่ยืนยันเรื่องนี้คือ ลีโอนิด สลัตสกี้( Leonid Slutsky) ผู้นำพรรค LDPR และประธาน State Duma Committee on International Affairs กล่าวในเทเลแกรมของเขาเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า
“ทุกอย่างบ่งชี้ว่า Zelensky ตั้งใจที่จะวาง ‘ไพ่ใบสุดท้ายของเขา’ ไว้บนโต๊ะก่อนการประชุมสุดยอด NATO และระเบิด Zaporozhye NPP เป้าหมายนั้นยิ่งใหญ่ – เพื่อใช้การโจมตีของผู้ก่อการร้ายด้วยนิวเคลียร์เพื่อตำหนิรัสเซียและบังคับให้กลุ่มตะวันตกมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งในยูเครน”
ประธานกรรมาธิการฯย้ำว่า “บรัสเซลส์และวอชิงตันมีโอกาสที่จะพบว่าตัวเองเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายนิวเคลียร์ และพวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบจากการระเบิดของ ZNPP”
ที่ปรึกษาของ CEO ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Rosenergoatom ของรัสเซีย ย้ำว่า ถ้อยแถลงของผู้นำยูเครนสามารถใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการเตรียมการของเคียฟสำหรับการโจมตี ZNPP ซึ่งในที่สุดจะมุ่งเป้าไปที่การลาก NATO เข้าสู่ความขัดแย้งในยูเครน