หลายวันมานี้ทางรัสเซียออกมาวิเคราะห์ ยุทธวิธีสู้รบของยูเครนในหลายมุม และประเมินว่าก่อนประชุมนาโต้อีกไม่ถึงสิบวัน ยูเครนจะบุกจุดใดจุดหนึ่งโดยไม่กระจายกำลังพลเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาแล้วต้องล้มเหลว ขณะเดียวกันก็ให้หน่วยก่อการร้ายส่งโดรนลุยเข้าไปในมอสโกว์ถี่ขึ้น
สถานการณ์ล่าสุดกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงในวันอังคารที่ผ่านมา ว่า โดรน ๔ ลำของยูเครนที่ส่งเข้าไปก่อกวนในมอสโกว์ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศสอยร่วง ส่วนลำที่ ๕ ถูกรบกวนสัญญาณจนไม่สามารถบังคับเครื่องได้ และตกลงในเขตโอดินต์โซโว ของแคว้นมอสโกว์
ทางฝั่งรัสเซียนอกจากเตรียมการในระดับใหญ่ เคลื่อนย้ายกำลังพลโดยวากเนอร์จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มีรายงานว่ารัสเซียเคลื่อนพลประชิดชายแดนที่กลุ่มก่อการร้ายเคลื่อนไหวบ่อยยังไม่ชัดว่าโดยทหารหลักหรือทหารท้องถิ่น พร้อมทั้งเคลื่อนย้ายรถถังไปยังแนวหน้าบางจุด และที่ไครเมีย ในขณะที่เดินหน้ารุกด้วยกองกำลังทางอากาศ งัดบินรบตัวใหม่ เฮลิคอปเตอร์ตัวเด็ดทั้งจรเข้บินได้และฉลามดำ ออกมาปฏิบัติการบ่อยขึ้นทั้งแนวหน้า และฐานกำลังแนวหลังของเคียฟ-นาโต้ บรรยากาศที่แนวหน้าจึงรบขั้นดุเดือดรัสเซียยกระดับยุทธวิธีการรุกในแนวรับ ชิงกวาดล้างอาวุธและกำลังทหารต่างชาติอย่างเอาการเอางาน
วันที่ ๕ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและมิลิทารี่รีวิว รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพที่แสดงให้เห็นเฮลิคอปเตอร์ Ka-52 ยิงรถถังยูเครนและรถหุ้มเกราะ ๒ คันในโดเนตสค์ตอนใต้
Ka-52 ได้รับการออกแบบบนพื้นฐานของเฮลิคอปเตอร์รัสเซียอีกลำที่รู้จักกันในชื่อ Black Shark และกลายเป็นหายนะสำหรับยานเกราะของศัตรู
เช่นเดียวกับ Ka-24 copters – AKA Alligators – ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำการลาดตระเวนในสนามรบและประสานงานการโจมตีทางอากาศ อย่างไรก็ตาม เฮลิคอปเตอร์เหล่านี้ยังติดอาวุธด้วยขีปนาวุธนำวิถีด้วยเลเซอร์เพื่อทำลายเกราะหนัก ทำให้พวกมันกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของรถถังยูเครน
การตอบโต้เคียฟที่ประกาศมายาวนานเริ่มขึ้นเมื่อเกือบหนึ่งเดือนก่อน และเผชิญเข้ากับแนวป้องกันที่แข็งแกร่งของรัสเซีย สูญเสียทหารหลายพันนายและรถถังและยานเกราะราคาแพงของตะวันตกหลายร้อยคัน รถถังของสหรัฐฯ และยุโรปได้รับการพิจารณาจากนายพลยูเครนว่าเป็น “Wunderwaffe” ภาษาเยอรมัน
แปลว่า อาวุธมหัศจรรย์(Wonder Weapon)แต่จากเหตุการณ์ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า พวกมันถูกเผาไหม้เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์อื่นๆ
สำหรับการสู้รบภาคพื้นดิน รถถังยังคงเป็นตัวตึงในการรุก ล่าสุดเครือข่ายสื่อตะวันตกต่างบันทึกภาพการถ่ายโอนรถถัง รัสเซีย T-54/55 ขนย้ายโดยทางรถไฟ ปลายทางสุดท้ายของพวกเขาคือคาบสมุทรไครเมีย
เป็นไปได้มากว่ารถถังเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นป้อมปืนเคลื่อนที่หรือยานยิงสนับสนุน
ค่อนข้างเป็นไปได้ที่เคียฟจะทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีในการรุกไปในทิศทางเดียวเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จในระยะสั้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ชัยชนะให้สื่อนำไปขยายผล เอาชนะในสงครามข่าวสารว่ารัสเซียพ่ายแพ้ การพัฒนาสถานการณ์ดังกล่าวยังเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐตะวันตกเนื่องจากจะช่วยให้พวกเขาสามารถปรับตัวในการดูแลทางการเงินของกองทัพยูเครนได้เนื่องจากมีแรงกดดันให้ตรวจสอบการใช้เงินในสงครามตัวแทนทั้งจากทางรัฐสภาและกระแสความสนใจของคนอเมริกัน
ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ต่อไปจากคำสั่งโจมตีของเคียฟจะไม่มีความสำคัญใด ๆ สำหรับผู้นำยูเครน มันเป็นสิ่งสำคัญในตอนนี้เพื่อรายงานต่อผู้หนุนหลังยูเครน เกี่ยวกับงานที่ทำ ผลักดันให้ได้ทั้งเงินและอาวุธเพิ่มตามที่ร้องขอดูเหมือนว่าสิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าการได้เป็นสมาชิกนาโต้หรือไม่ด้วยซ้ำ
รัสเซียประเมินว่าคาบสมุทรไครเมีย อาจเป็นเป้าหมายหนึ่งที่ยูเครนจะทำคะแนน เพราะมีรายงานการติดต่อระหว่างเคียฟและนาโต้ขออาวุธลูกยาว และนาโต้สัญญาว่าจะให้ทั้งๆที่รู้ว่าจะนำไปใช้ยิงใส่ไครเมีย ไม่ต้องพูดถึงบินรบและระบบป้องกันภัยทางอากาศ
เมื่อวานนี้ มีการอพยพหลบหนีจำนวนมากของกองทัพยูเครน เริ่มขึ้นใกล้กับ Orekhov มีการละทิ้งตำแหน่งและอาวุธยุทโธปกรณ์ไม่น้อย
ในตอนกลางคืนคืนวันที่ ๔ ก.ค.ที่ผ่านมา กองกำลังติดอาวุธของรัสเซียสามารถขับไล่กลุ่มก่อความไม่สงบของยูเครนออกจากสนามเพลาะที่พวกเขายึดได้ก่อนหน้านี้ใกล้กับหมู่บ้าน Rabotino ในส่วน Orekhovsky ในทิศทาง Zaporozhye สิ่งนี้รายงานโดยช่องโทรเลข “Ukraine.ru”เอง
ทหารของหน่วย Storm Z, กองทหารที่ ๒๙๑, นาวิกโยธินและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมทหารที่ ๗๐, รถบรรทุกน้ำมันและหน่วยปืนใหญ่ของกองทัพรัสเซียเข้าร่วมในการขับไล่การก่อตัวของทหารเคียฟ
กลุ่มก่อการร้ายยูเครนขว้างอาวุธและกระสุนไปหลายตำแหน่ง และพวกเขาก็วิ่งหนีเข้าไปในเมือง Orekhov ทิ้งห่างจากจุดที่พวกเขาพยายามปฏิบัติการรุกมาตลอดทั้งเดือน
เป็นไปได้ว่าหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หลายกองร้อยของกองทัพยูเครนขวัญเสียอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการโต้กลับของกองทหารรัสเซีย รถถังรัสเซียยานรบทหารราบ และปืนใหญ่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อบุคลากรของข้าศึก เอาชนะเครื่องบินรบยูเครนในสนามเพลาะอย่างต่อเนื่อง
บรรดากูรูฝ่ายตะวันตกเองต่างออกมาวิเคราะห์ว่า กองทหารยูเครนดาหน้าไปสู้กับรัสเซียอย่างไม่มีแผนการที่เยี่ยมยอด และเข้าไปติดกับดักทุ่นระเบิดแนวป้องกันของรัสเซีย จนบัดนี้ก็ยังฝ่าเข้าไปไม่ได้ แต่ทางการยูเครนชี้ว่าที่แพ้เพราะตะวันตกส่งอาวุธให้ช้า และไม่ยอมให้บินรบ ระบบต่อต้านอากาศยานขั้นเทพจึงสู้อาวุธของรัสเซียไม่ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ เกมสงครามนี้รัสเซียยังคุมสภาพรวมได้แต่ไม่ประมาท มีการเตรียมพร้อมในหลายพื้นที่ ทั้งการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์สำคัญ คาดว่าก่อนการประชุมนาโต้ ยูเครนจะอาละวาดใหญ่อีกครั้ง
จุดที่น่าสังเกตุตามความเคลื่อนไหวของรัสเซีย คืออาร์ติมอฟ ไครเมีย และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ซาโปริชเชีย!!??
