ฝ่ายค้านแพแตก!?! เขี่ยปชป.พ้นรบ.??? เรื่องใดจะเกิด(จริง)ก่อน?!?

0

ถ้าไม่มีไฟ ที่ไหนจะมีควัน?!? ไม่รู้ว่าคำพูดนี้จะนำมาใช้กับเรื่องการเมืองไทยได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข่าวลือ-การวิเคราะห์-ทำนาย??? เมื่อประเด็นร้อนว่าด้วยเสียงในสภาฯ จากฝ่ายรัฐบาลและฟากฝ่ายค้านที่พลิกผันจากการโหวตตั้งกรรมาธิการฯล่าสุด ที่งูเห่าโผล่กันออกมา แล้วก็ตามมาด้วยเรื่องฝ่ายค้านแตกยับ – รัฐบาลเตรียมเขี่ยประชาธิปัตย์พ้นครม.บางส่วน อันไหนเรื่องจริง และอันไหนเรื่องจริงกว่า ลองมาพิจารณาร่วมกัน???

 

ต้องเริ่มกันที่ 4 ธ.ค. 62 การประชุมสภาฯ มีการเปิดให้แสดงตน เพื่อนำเข้าสู่ญัตติตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบจากม.44 ท่ามกลางการจับตามองของทุกฝ่ายว่า สภาจะล่มครั้งที่ 3 หรือไม่

 

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงประธาน โดยจะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนี้ต้องนับคะแนนใหม่หรือไม่นับคะแนนใหม่

 

ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ วิปฝ่ายรัฐบาล ยืนยันว่าจะไม่ถอนญัตติ และยืนยันการนับคะแนนใหม่ ทำให้นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ยืนยันจะวอล์กเอาต์

 

ต่อมาส.ส.ฝ่ายค้าน วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม ขณะที่นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ นับองค์ประชุม ได้ 259 เสียง ทำให้ครบองค์ประชุมและสามารถลงมติได้ ก่อนให้นับคะแนนใหม่

 

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีส.ส.ของพรรคฝ่ายค้าน ได้แสดงตนเพื่อนับเป็นองค์ประชุม 10 คน แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 3 คน ได้แก่ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี , น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.

 

พรรคอนาคตใหม่ 2 คน ได้แก่ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทรบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี

 

พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 คน ได้แก่ นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

และพรรคประชาชาติ 1 คนได้แก่ นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี

 

โดยส.ส. 10 คน เสียบบัตรประจำตัว ส.ส. ระหว่างการนับองค์ประชุมเพื่อ “นับคะแนนใหม่” แบ่งกัน

 

7 คน นอกจากเสียบบัตรแล้ว ยังออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งด้วย ได้แก่

 

พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา พรรคอนาคตใหม่ จ.จันทบุรี (งดออกเสียง)

นายจารึก ศรีอ่อน พรรคอนาคตใหม่ จ.จันทบุรี (งดออกเสียง)

นายภาสกร เงินเจริญกุล พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ไม่เห็นด้วย)

 

นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ไม่เห็นด้วย)

นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ไม่เห็นด้วย)

นายสุภดิช อากาศฤกษ์ พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ไม่เห็นด้วย)

นายอนุมัติ ซูสารอ พรรคประชาชาติ จ.ปัตตานี (งดออกเสียง)

 

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ส.ส. พรรคเพื่อไทย 3 คน คือ นายขจิตร ชัยนิคม จ.อุดรธานี นางสาวพรพิมล ธรรมสาร จ.ปทุมธานี และ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ กรุงเทพมหานคร เสียบบัตรเอาไว้ แต่ไม่ได้ออกเสียงใดๆ

 

ส่วนนางสาวกวินนาถ ตาคีย์ ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ไม่แสดงตัวเป็นองค์ประชุม แต่ออกเสียงโหวตเห็นด้วยกับมติของฝ่ายค้าน ให้ตั้งคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว โดยผลฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยให้ตั้งคณะกรรมาธิการ มีคะแนน 244 คะแนน ขณะที่เห็นด้วยให้ตั้งมีเพียง 5 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง รวม 255 เสียง

 

7 ธ.ค. 62 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านโดยเฉพาะจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ ลงมติช่วยรัฐบาล จนทำให้ไม่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการกระทำของประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44

 

โดยเมื่อมีการมองกันว่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีของรัฐบาล และอาจจะมีการปรับครม.เพื่อดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่มาร่วมรัฐบาล ซึ่งนายอุตตม กล่าว่า “ก็เดี๋ยวดูว่าจะมาอย่างไร จะมาจริงหรือเปล่า เดี๋ยวรอคุยกัน”

 

8 ธ.ค. 62 ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธาน​ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการเทียบเชิญพรรคเศรษฐกิจใหม่ ร่วมรัฐบาล ว่า ตนเป็นผู้ประสานให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ช่วยเข้ามาแสดงตนรักษาองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะเพื่อน และพี่น้อง

 

“ยอมรับวันนั้นเสียงฝ่ายรัฐบาลหายไปหลายเสียง มีทั้งคนป่วย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร โหวตไม่ได้ นาย กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ โดนแจกใบเหลือง นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา ออกเสียงไม่ได้ เพราะนั่งเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เองตอนนั้นยืนยันโหวตสวน จึงต้องไปนั่งพูดคุยกับฝ่ายค้าน”

 

นอกจากนี้นายสุชาติ​ ยังกล่าวว่า​ถึงขั้นจะเชิญมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ เป็นเรื่องที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคพปชร. ต้องเข้าไปพูดคุยและตัดสินใจทางการเมือง แต่ในส่วนความสัมพันธ์ ตนเชื่อมความสัมพันธ์ให้หมดแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่ได้ไปเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีให้

 

8 ธ.ค. 62 ด้านนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต จังหวัดเชียงใหม่ หรือโหร คมช.กล่าวทำนายจากนั่งญาณเพ่งนิมิตรจากฤาษีหลวงปู่เกวลัญแห่งเทือกเขาหิมาลัย กรณีปัญหาเสถียรภาพรัฐบาล เสียงปริ่มน้ำ กลุ่มต่างๆ ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายในรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล มือไม่พาย คอยเอาเท้าราน้ำ กลุ่มนี้ จะหลุดไปเอง ในปีหน้ามีการปรับ ครม.ภายใน 3 – 6 เดือน

 

ในปี 63 เป็นต้นไปมีการพูดคุย เห็นความสำคัญ ชาติบ้านเมือง หันหน้ามาคุยกัน ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านบางพรรค ที่มีหน้าที่บ้านเมือง ช่วยกันขับเคลื่อน ส่วนพรรคที่หมดหน้าที่ก็หมดไป รัฐบาล เดินไปได้ อยู่รอด ชาติปลอดภัย ทุกอย่างราบเรียบ

 

ประเด็นสำคัญคือ โหรวารินทร์ กล่าวว่าได้เห็นภาพนิมิตร เห็นฝ่ายค้านบางพรรคหาเรื่องแตกไปเอง เหมือนอะไรไม่เป็นความจริง ทำอะไรจอมปลอมลูบหน้าปะจมูกหลุดไปเอง มาสร้างความวุ่นวาย ก่อกวน ชาติบ้านเมือง ไม่ให้รัฐบาลขับเคลื่อน จะหลุดไปเองและหมดอนาคตทางการเมือง ประชาชนเห็นธาตุแท้

 

ส่วนปีหน้าผ่าตัดปรับเปลี่ยนรัฐบาลใครไม่ดีออกไป คนที่ไม่เผาผีกันอาจเข้ามาร่วมทำงานกับฝ่ายการเมือง จะหันหน้าพูดคุยจับมือเห็นพ้องเพื่อชาติบ้านเมือง จัดสรรผู้คนมาร่วมกันไป ตอนนี้รอแค่เวลาเดินร่วมกัน ต้องรอให้ถึงเวลา ซึ่งคล้ายรัฐบาลแห่งชาติ แต่ก็ไม่ใช่รัฐบาลแห่งชาติเลยทีเดียว ขอให้รอดูสิ่งที่ตนพูดจะปรากฎขึ้น

 

นั่นคือคำกล่าวที่ต้องบอกว่ามาจากการทำนายซึ่งจะจริงหรือไม่ อย่างไร??? คนไทยย่อมจะรับทราบอยู่แล้วในเวลามานานต่อจากนี้ แต่ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีรายงานในส่วนของ 6 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงมติเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ.ดังกล่าว และยังคงลงมติยืนยันตามเดิม 4 ราย ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย , นายเทพไท เสนพงศ์ , นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ และนายอันวาร์ สาและ

 

ขณะที่ นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา และนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม แต่ไม่ออกเสียงลงมติ สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำระดับสูงของรัฐบาล เนื่องจากได้มีการกำชับกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เพื่อให้ควบคุมการลงมติของลูกพรรค

 

ทั้งในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี และในช่วงงานเลี้ยงสังสรรค์พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.แล้ว และมีการระบุด้วยว่าหากไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมสภาฯ และควบคุม ส.ส.รัฐบาลได้ก็อาจจำเป็นต้องยุบสภา แต่ผลปรากฏว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่สามารถควบคุม ส.ส.ในสังกัดได้

 

“จึงเริ่มมีความเห็นพ้องกันของแกนนำในรัฐบาล ในการที่จะปรับพรรคประชาธิปัตย์ ออกจากรัฐบาลในการปรับ ครม.ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2563 หรือภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อว่าถ้าปรับพรรคประชาธิปัตย์ออกจากรัฐบาล ก็จะยังมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 30 คน ยังอยู่ร่วมรัฐบาล

 

ส.ส.กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกับ นายสุเทพ เทือกสุวรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตเลขาธิการ กปปส.ที่สนับสนุนให้ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ต้น”

 

นั่นคือรายงานข่าวที่มีกันออกมา โดยอ้างถึงแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ในการแก้ปัญหาไม่ให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งเสียงที่หายไป 20 – 30 เสียง จะทดแทนด้วยเสียงของ ส.ส.บางส่วน ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ , พรรคอนาคตใหม่ , พรรคประชาชาติ และพรรคเพื่อชาติ รวมแล้วราว 10 เสียง

 

จึงมีการประสานระหว่างแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไปยังผู้บริหารระดับสูงของพรรคเพื่อไทย ที่มีความคุ้นเคยกัน เพื่อทาบทามให้นำ ส.ส.จำนวนหนึ่งราว 20 – 30 เสียง ทั้งที่มีการดูแล หรือฝากเลี้ยงไว้อยู่แล้ว รวมกับบางส่วนที่ไม่กังวลกระแสต่อต้านในพื้นที่ ให้เข้ามาแทนที่เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ขาดหายไป

 

อย่างไรก็ตามรายงานข่าวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางปรากฏการณ์ที่ว่า ได้มีแกนนำพรรคเพื่อไทยได้นำประเด็นดังกล่าวไปหารือ และขอความเห็นชอบจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่เกาะฮ่องกง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน???

 

เป็นรายงานข่าวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นเพราะก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว อย่างน้อย2-3เหตุการณ์ ซึ่งไม่ว่าคำทำนายของโหรจะตรงหรือไม่??? แต่แน่นอนว่า เรื่องที่เกิดย่อมก่อความไม่สบายใจต่อแกนนำรัฐบาล และถ้ามีความพร้อมมั่นใจเสียงที่จะเข้ามาทดแทน ก็น่าสนใจไม่ใช่เหรอ?!?