จากการสู้รบระหว่างรัสเซียกับกองกำลังผสมยูเครนดำเนินมาต่อเนื่องเข้าปีที่2 ซึ่งมีการสรุปผลการตอบโต้ ที่มีทั้งสูญเสียกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
โดยล่าสุดวันนี้ 04 กรกฏาคม 2566 Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงการประชุมผู้บัญชาการทัพของรัสเซียต่อท่าทีของระดับบัญชาการนาโต้ว่า
“ต้น มิถุนายน 2566 กองกำลังผสมนานาชาติ ฝ่ายสัมพันธมิตร NATO บุกตีชายแดนชั้นแรกรัสเซีย มาครบ 1 เดือน โดนสวนด้วยลูกยาวอย่างหนัก ผลคือเละไม่เป็นท่า ต้องสั่งชะลอการบุกเป็นระยะ
พล.อ.เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ประชุมทางวิดีโอคอลกับผู้บัญชาการทหาร สรุปผลการรบว่า เฉพาะสมรภูมิเขตโดเนตสค์ และซาโปโรซี เพียงด้านเดียว ฝ่ายตรงข้ามไม่มีความคืบหน้าใดเลยแม้แต่น้อย
ถูกกองทัพรัสเซีย ทำลายเครื่องบิน 15 ลำ , เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ , รถหุ้มเกราะ 920 ชิ้น รวมถึงรถถัง Leopard เยอรมนี จำนวน 16 คัน คิดเป็น 100% ของรถถังนี้ที่ให้กู้ยืมจากโปแลนด์และโปรตุเกส , ปีที่ 2 จำนวนทำลายรถถัง และรถหุ้มเกราะสะสมรวม 10,490 คัน
เชลยศึกกองกำลังผสม สารภาพว่า จำนวนเกิน 70% ของหน่วยทหาร เป็นปุ๋ย และได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลสาหัส ทหารที่ยังเหลือสุขภาพแข็งแรงมีน้อยมากจน นับหัวได้ พวกที่ส่งไปแนวหน้าไม่ใช่กำลังรบหลัก ขาดทักษะการรบ
เมื่อสูญเสียหนัก ก็มีคำสั่งถอยทัพออกมาฟื้นฟูระยะหนึ่ง ทิ้งซากเพื่อนทหารไว้เกลื่อนแนวหน้า อาวุธปืนกลมือมีสภาพเก่า มักจะติดขัด กระสุนขาดแคลนไม่เพียงพอ ไม่มียานเกราะ รถอพยพเลย
พล.ร.อ. ร็อบ บาวเออร์ ประธานคณะกรรมการการทหาร NATO พยายามอ้างว่า การบุกเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เป็นงานง่าย คล้ายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรใช้เวลาบุกที่สมรภูมิรบ นอร์มังดี ฝรั่งเศส ใช้เวลากว่า 2 เดือน ในการฝ่าแนวหน้าเยอรมัน
ต้องทุ่มคลื่นทหารยกพลขึ้นบก สูญเสียทหารไปราว 9,000 นาย ดังนั้นการที่ฝ่ายสัมพันธมิตรบุกแนวหน้ารัสเซีย จะไม่ก้าวหน้าเร็วนัก จะต้องทุ่มชีวิตทหารใส่เข้าไปแนวหน้าให้รัสเซียทำลายทิ้งไปเรื่อยๆ จนอ่อนล้า
ประธานาธิบดีเออร์โดกัน ผู้นำตุรกี (ทูร์เคีย) ยอมรับว่าเมื่อเขาพยายามเจรจาข้อตกลงสันติภาพวิกฤตสงครามยูเครน เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันจากชาติตะวันตก NATO เพื่อให้สงครามต้องดำเนินต่อไป จะให้มีสันติภาพในยูเครนไม่ได้
