ภายใต้แรงกดดันทุกด้านจากสหรัฐฯ กลาโหมของจีนประกาศชัดต้องการขยายความร่วมมือทางทหารกับรัสเซีย ปักกิ่งและมอสโกว์ควรส่งเสริมความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพในภูมิภาคและระดับโลก
วันที่ ๔ ก.ค.สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่ารัฐมนตรีกลาโหมของจีน หลี่ ซางฟู่ กล่าวระหว่างการพูดคุยกับหัวหน้ากองทัพเรือรัสเซีย นิโคไล เยฟเมนอฟ ในกรุงปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า
“จีนและรัสเซียควรจัดการซ้อมรบร่วมกันมากขึ้น และทำงานร่วมกันในด้านอื่นๆ ต่อไป เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทางทหารของพวกเขาไปสู่“ระดับใหม่” การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกองกำลังติดอาวุธของทั้งสองประเทศ“พัฒนาอย่างต่อเนื่อง”แต่ยังมีช่องว่างสำหรับการปรับปรุงต่อไป
หลี่บอกกับ Evmenov ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมจีนว่า “ผ่านการทำงานร่วมกัน ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองจะดำเนินต่อไปอย่างลึกซึ้งและมั่นคง สร้างความก้าวหน้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และก้าวไปสู่ระดับใหม่” เขาเน้นย้ำและเสริมว่า “เขาหวังจะเสริมสร้างการสื่อสารในทุกระดับ และจัดระเบียบอย่างสม่ำเสมอ การฝึกร่วม ขยายความร่วมมือเชิงปฏิบัติในสาขาวิชาชีพ”
หลี่เน้นย้ำว่าความร่วมมือนี้จะช่วยให้พวกเขา“มีส่วนร่วมเชิงบวกในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก”
ตามคำแถลงของกระทรวงกลาโหมจีน ผู้บัญชาการกองทัพเรือรัสเซียยังกล่าวด้วยว่า มอสโกว์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความร่วมมือทางทหารกับปักกิ่ง รัสเซียกระตือรือร้นที่จะรักษา “การประสานงานอย่างใกล้ชิด” กับฝ่ายจีน และขยายการแลกเปลี่ยนในทุกระดับต่อไป
Evmenov กล่าวว่า “ทั้งสองประเทศกำลังจะจัดการซ้อมรบร่วมทางเรือ การล่องเรือลาดตระเวนร่วมกัน และกิจกรรมการฝึกที่สำคัญอื่นๆ”
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการทหารระหว่างรัสเซียและจีนทวีความแน่นแฟ้นขึ้น หลังจากความขัดแย้งในยูเครนปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ แม้จะไม่ได้ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่มอสโกว์ แต่ปักกิ่งก็ต่อต้านแรงกดดันจากตะวันตกในการประณามหรือคว่ำบาตรรัสเซีย จีนเรียกร้องให้ยุติวิกฤตอย่างสันติมาโดยตลอด และโต้แย้งว่าการกระทำของสหรัฐฯ และการขยายตัวของนาโต้เป็นต้นเหตุกระตุ้นให้เกิดการสู้รบ
หลี่ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เดินทางเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน ระหว่างการหารือกับพลเอกเซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวว่าการเดินทางครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย“เพื่อแสดงให้โลกภายนอกเห็นถึงความสัมพันธ์ระดับสูงระหว่างจีน-รัสเซีย”
เมื่อเดือนที่แล้ว รัสเซียยืนยันการเข้าร่วมการฝึกซ้อมทางทหาร ‘Northern/Interaction-2023′ ของจีนซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในปลายปีนี้ นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายน กองทัพอากาศของทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนร่วมครั้งที่ ๖ เหนือน่านน้ำของทะเลญี่ปุ่นและทะเลจีนตะวันออก
ในขณะที่วอชิงตัน Janet Yellen จะไปเยือนปักกิ่งในสัปดาห์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการ “จัดการความสัมพันธ์อย่างมีความรับผิดชอบ” ระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด
การเดินทางของเยลเลนจะมีขึ้นเกือบ ๓ สัปดาห์หลังจากนายแอนโทนี บลินเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในกรุงปักกิ่ง เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลทั้งสอง Blinken ยกย่อง การพูดคุยที่ “ตรงไปตรงมา” ของเขา กับ Xi และผู้นำจีนคนอื่นๆ โดยกล่าวว่าการประชุมของพวกเขาช่วยให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ มีเสถียรภาพแต่พอกลับถึงบ้าน ปธน.ไบเดนก็ว่าสี จิ้นผิงเป็นเผด็จการและบลิงเคนก็ออกรับว่าเหมาะสมแล้ว
ด้านเยลเลนวิจารณ์การตอบสนองของจีนต่อวิกฤตยูเครนว่า “การเป็นหุ้นส่วนแบบไม่มีขีดจำกัดและการสนับสนุนรัสเซีย ของปักกิ่งเป็นข้อบ่งชี้ที่น่าเป็นห่วงว่าจีนไม่ได้จริงจังกับการยุติสงคราม” รัฐบาลของสีประกาศข้อเสนอสันติภาพ ๑๒ ข้อเพื่อยุติความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และนาโต้ยกเลิกแผนดังกล่าว แต่ชูแผนของเซเลนสกี้แทน เมื่อจีนไม่ตามใจเมกาวอชิงตันจึงบอกว่าผิด
ก่อนหน้านี้ โกลบัลไทมส์สื่อจีนได้วิเคราะห์ว่า การเดินทางครั้งนี้ของเยลเลนน่าจะได้รับแรงกระตุ้นจากประเด็นเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ แต่ผู้เชี่ยวชาญชาวจีนบางคนเตือนว่า ขณะที่ยังมีหน้าต่างแห่งโอกาสในการซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความสัมพันธ์ดังกล่าวจะเปิดได้ไม่นาน เนื่องจากวอชิงตันจำเป็นต้อง เคลื่อนไหวอย่างจริงใจแทนที่จะสร้างปัญหาใหม่ แค่ปัญหาคำถามไต้หวันก็เป็นปมเส้นแดงที่สหรัฐฯไม่เคยมีความตั้งใจแก้ไขแต่อย่างใด
เกา หลิงยุน(Gao Lingyun) ผู้เชี่ยวชาญจาก Chinese Academy of Social Sciences ในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า การเยือนของเยลเลนน่าจะได้รับแรงกระตุ้นจากความกังวลเกี่ยวกับหนี้สหรัฐฯ เมื่อสหรัฐฯ ได้รับการอนุม้ติจากสภาคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้แล้ว จำเป็นต้องหาผู้ซื้อหนี้จึงมุ่งหน้ามาที่จีนอาจให้อุดหนุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเพิ่มอีก นอกจากนี้ อาจมีการหารือเกี่ยวกับการชำระหนี้ของประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้หากไม่มีจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง
ตอนนี้บางประเทศสามารถใช้หนี้ IMFด้วยเงินหยวนแล้วนอกจากจ่ายค่าพลังงานเป็นเงินหยวน จับตาดูท่าทีของจีนว่าจะผ่อนคลายแรงกดดันต่อเปโตรดอลลาร์ลงหรือไม่เมื่อโลกหลายขั้วกำลังเติบโต กระแสหลีกหนีเทดอลลาร์ไปใช้เงินประเทศค้าขาย เดินหน้าไม่กลับหลังแล้ว เมื่อใดที่หยวนและรูเบิล หรือเงินประเทศในกลุ่มพันธมิตรโลกหลายขั้วหันไปอิงค่าเงินด้วยทองคำอีก ดอลลาร์สหรัฐฯจะยิ่งจมดิ่งเร็วขึ้น อำนาจครอบงำเศรษฐกิจโลกจะหัวทิ่มลงในอัตราเร่ง เมกาจะรับมืออย่างไร!!??