จีนผ่านกฎหมายความสัมพันธ์กับต่างประเทศฉบับแรกในขั้นตอนสำคัญเพื่อเสริมเครื่องมือทางกฎหมายต่อต้านอำนาจตะวันตกกดดันบีบบังคับ กฎหมายใหม่จะอนุญาตให้ปักกิ่งตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการคว่ำบาตรและ “การแทรกแซง”
วันที่ ๓๐ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า จีนได้ผ่านกฎหมายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฉบับแรก โดยให้อำนาจแก่รัฐบาลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการ “ใช้มาตรการตอบโต้”ต่อการกระทำของตะวันตกที่คุกคามความมั่นคงของจีน
กฎหมายดังกล่าวได้รับการร่างเมื่อปลายปีที่แล้วและได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาของจีนเมื่อวันพุธ พีเพิลเดลีรายงานโดยทางการ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม
กฎหมายนี้แบ่งออกเป็น ๖ บท รวมถึงบทที่กำหนดวัตถุประสงค์ของนโยบายต่างประเทศของปักกิ่งอย่างเป็นทางการ และเน้นย้ำนโยบายทางการทูตที่มีอยู่ในระบบกฎหมายของประเทศ
บทที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ให้อำนาจรัฐบาล“ดำเนินมาตรการตอบโต้ที่จำเป็น ต่อการกระทำที่เป็นอันตรายต่ออำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์การพัฒนาของจีน โดยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานพื้นฐานที่ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
เจ้าหน้าที่จีนเขียนกฎหมาย“ท่ามกลางความท้าทายใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจีนเผชิญกับการแทรกแซงจากภายนอกบ่อยครั้งในกิจการภายในภายใต้อำนาจตะวันตก”
สื่อGlobal Times ของปักกิ่งรายงานโดยอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายว่า “ เป็นพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการต่อสู้ทางการทูตกับการคว่ำบาตร การต่อต้านการแทรกแซง และเขตอำนาจศาลระยะยาว”
จีนเผชิญกับการคว่ำบาตรและบทลงโทษทางเศรษฐกิจอื่นๆ จากสหรัฐฯ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา วอชิงตันได้บังคับใช้การควบคุมการส่งออกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน และกดดันพันธมิตรไม่ให้ปักกิ่งออกจากห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนที่ถูกกล่าวหาว่าจัดหาเทคโนโลยีทางทหารให้รัสเซีย และคว่ำบาตรบริษัทการบินและอวกาศของจีนหลังเหตุการณ์ที่เรียกว่าบอลลูนสอดแนมในเดือนกุมภาพันธ์
ปักกิ่งมองว่ามาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามของสหรัฐฯ ในการ“กักกันรอบด้าน การปิดล้อม และการปราบปรามต่อจีน” ซึ่งปธน.สีประกาศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
หากไม่มีกฎหมายที่เป็นทางการ จีนตอบโต้การเคลื่อนไหวเหล่านี้ในรูปแบบเฉพาะกิจ โดยตอบโต้การขายอาวุธของสหรัฐฯ ไปยังไต้หวันด้วยการคว่ำบาตรผู้ผลิตอาวุธอเมริกัน Lockheed Martin และ Raytheon และประกาศการสอบสวนด้านความมั่นคงของชาติต่อผู้ผลิตชิปของสหรัฐฯ Micron เพื่อตอบโต้วอชิงตัน จากการควบคุมการส่งออกของผู้ผลิตชิปจีน
นอกจากนี้ จีนยังกำหนดให้การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เป็นข้อกำหนดเบื้องต้น ก่อนที่การเจรจาทางทหาร ระดับสูงจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งขัดแย้งกันตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวหลายครั้งว่าเขาจะใช้กำลังทหารเพื่อขัดขวางการรวมไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่อีกครั้ง
ในขณะที่ Biden ทำนายว่า”การหลอมลวม” กำลังใกล้จะเกิดขึ้น เขาทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดมากขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยเรียก Xi ว่า”เผด็จการ”ในขณะที่ Antony Blinken รัฐมนตรีต่างประเทศของเขาเพิ่งเดินทางกลับจากการประชุมกับประธานาธิบดีจีนในกรุงปักกิ่ง สถานทูตจีนในวอชิงตันเรียกถ้อยแถลงว่าเป็น“การยั่วยุทางการเมือง”แต่ Blinken สนับสนุนความคิดเห็นของ Biden เมื่อเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์กับ CBS News ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ“พูดแทนพวกเราทุกคน” แบบนี้ก็เท่ากับว่าไม่ได้มีความต้องการฟื้นสัมพันธ์อย่างแท้จริง
มีข่าวว่าเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังของสหรัฐฯกำลังจะไปเยือนจีน หลายฝ่ายต่างประเมินว่าน่าจะเป็นเรื่องเงินๆทองๆเป็นสำคัญ จับตาว่าจีนจะตอบสนองข้อเรียกร้องของสหรัฐฯได้แค่ไหน ท่ามกลางการเคลื่อนไหวทางทหารที่ระอุอย่างต่อเนื่องในทะเลจีนใต้ และเอเชียแปซิฟิก!!