จากกรณีอาวุธจำนวนมากที่ถูกส่งให้กองกำลังผสมยูเครน โดนกองทัพรัสเซียทำลาย จากการปะทะกัน ทำให้มีการร้องขอเพิ่มเติมจากชาติต่างๆ โดยเฉพาะตะวันตก ซึ่งหลายประเทศต่างออกมาปฏิเสธ และบางประเทศยังส่งไปให้
ทั้งนี้ ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวผ่าน Blockdit ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน2566 ว่า “ลัตเวียเอาจริง: ยูเครนรอดตายแล้วคราวนี้
เช้านี้ อ่านข่าวนาย Krišjānis Kariņš นายกรัฐมนตรีลัตเวียแถลงว่า จะช่วยยูเครนอย่างเต็มที่ โดยจะส่งเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพลัตเวียทั้งหมดที่มีไปให้เพื่อให้ยูเครนสามารถตีโต้รัสเซียได้
ผู้สื่อข่าวจอมสอดรู้สอดเห็นจึงขอถามว่าลัตเวียมีเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์กี่เครื่องถึงใจป้ำขนาดนี้? นายกลัตเวียบอกว่า ๕ เครื่อง
ยังดีกว่าผู้นำแคนาดาครับ เมื่อหลายปีก่อน อเมริกากำลังคว่ำบาตรรัสเซียใหม่ๆ นายจัสติน ทรูโดออกมาพูดว่า แคนาดาจะไม่ขอซื้อน้ำมันจากรัสเซียแม้แต่หยดเดียวเพื่อให้การคว่ำบาตรได้ผลเต็มที่
หลายคนคิดว่ารัสเซียล่มสลายแน่ก็คราวนี้แหละ ผู้สื่อข่าวเลยถามว่า ปรกติ แคนาดาซื้อน้ำมันจากรัสเซียปีละเท่าไหร่?นายจัสตินตอบว่า ไม่เคยซื้อเลยและไม่คิดจะซื้อ
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ดร.ปฐมพงษ์ ยังออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจในการเดินทางเยือนสหรัฐของมหาอำนาจแห่งเอเชียด้วยว่า “อินเดียไม่หลงกลมะกัน:
นายโมดีรู้สึกเป็นสุขมาก เป็นนายกอินเดียที่อเมริกาให้เกียรติเชิญมาเที่ยว และต้อนรับอย่างดีถึงทำเนียบขาว มีโอกาสทานอาหารดีๆ แถมได้หน้าได้ตา กลับไปบ้าน ครอบครัว ญาติพี่น้องและชาวอินเดียชื่นชมเป็นเกียรติประวัติไปทั่ว
อเมริกาคาดหมายว่าจะเกลี้ยกล่อมเขาให้ออกจาก BRICS มาเข้านาโต้ จะได้ปั่นหัวให้รบกับจีน แต่ไม่เลย นายโมดีไม่หลงกล แค่สั่งซื้อโดรน MQ-9B จำนวน ๓๑ เครื่องของอเมริกันเพื่อตอบแทนน้ำใจ กองทัพเรืออินเดียจะได้ ๑๕ เครื่อง ส่วนกองทัพบกและกองทัพอากาศจะได้กองทัพละ ๘ เครื่อง รวมมูลค่า ๓ พันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา จิ๊บๆ
โจ ไบเดนที่ทำหน้าที่เป็นเซลส์แมนให้บริษัทขายอาวุธในเวลาเดียวกัน คงได้ค่านายหน้า ๓ ถึง ๕% เกษียณอายุราชการแล้ว น่าจะมีเงินซื้อคฤหาสน์หลังงามไม่แพ้โอบามา ซึ่งขยันทำสงครามและขายอาวุธ ได้หลายเปอร์เซ็นต์ไปเหมือนกัน
แค่นี้ครับการเมืองโลก นายโมดีได้หน้าตา บันทึกเป็นประวัติชีวิตว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวมาอึที่ทำเนียบขาว ส่วนโจ ไบเดนได้ค่าเปอร์เซ็นต์เอาไว้ใช้จ่ายเมื่อเกษียณอายุไป”