จากวีรกรรมยุวชนทหาร ถึงสมัครรด.หญิงเพิ่ม!?! แฉอนค.ใครกันแน่ยัดเยียด???

0

มาถึงวันนี้แล้ว ต้องย้ำว่าสังคมคนไทย!!! ได้รู้ถึงพฤติกรรมของพลพรรคสีส้มมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเข้าไปรณรงค์เลิกเกณฑ์ทหารถึงโรงเรียน จนรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯต้องออกมาปรามถึงความเลวร้าย ขณะที่ความเป็นจริงก็มีการสมัครเรียนรด.เพิ่มขึ้น ทั้งประวัติศาสตร์เกี่ยวกับยุวชนทหาร ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลด้านกลับที่ตีแสกหน้าพวกที่กำลังโฆษณาชวนเชื่อหลอกล่อเด็กเยาวชนอยู่ทั้งสิ้น?!?

 

ก่อนอื่นอยากจะทวนความกันที่ข้อความเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 62 เพจ Drama Fight – ศึกวันดราม่า ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ โดยระบุถึงเนื้อความที่น่าเป็นห่วงว่า

 

เรื่องสำคัญอยากให้ช่วยแชร์ จดหมายเปิดผนึกถึง ส.ส. พรรคอนาคตใหม่

 

การที่พรรคอนาคตใหม่มีแนวคิดเรื่องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และเดินสายรณรงค์ก็เป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่การที่บุกเข้าไปถึงในโรงเรียน และใช้พื้นที่ในโรงเรียน เพื่อแสดงความคิดและชักชวน ในเรื่องนี้ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก

 

ถึงแม้คุณจะประสานงานครูหรือ โรงเรียน ก็แล้วแต่ แต่การให้เด็กมานั่งฟังข้อมูลด้านเดียวถึงในโรงเรียน เขา ซึ่งมันควรปลอดการเมือง จะสร้างความแตกแยกให้สังคมร้าวมากขึ้น

 

ถ้าคุณจัดในที่สาธารณะเราจะไม่ว่าเลย ทำอะไรอยากให้อยู่ในขอบเขตด้วยครับ

 

ฝากนักข่าวด้วยครับ

 

ต่อมา 4 ธ.ค. 62 ม.จ. จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีความเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งว่า

 

ทำอะไรให้อยู่ในขอบเขตด้วยครับ

 

สิ่งที่น่ากลัวที่พรรคอนาคตใหม่ทำกันในตอนนี้ ……..ทำไม กระทรวงศึกษาธิการ (รัฐบาล) ทหาร ตำรวจ หน่วยความมั่นคง ถึงเพิกเฉยกันครับ หรือต้องรอให้ไฟไหม้บ้านก่อน ใช่ไหมครับ ???????

 

จากนั้นก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั้งในโลกโซเชียลฯ ล้นออกมาสู่สังคมภายนอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนที่มีเด็กๆเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะภาพที่ปรากฏออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของพรรคอนาคตใหม่ ได้เข้าไปกระทำเรื่องราวเหล่านั้นจริงหรือไม่ และเหมาะสมอย่างที่ผู้ใหญ่จะกระทำหรือไม่???

 

กระทั่งความจริงก็ปรากฏออกมา เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า  ชีวิตติดแบ็คฮ๊อค@TangkiZuveena ได้ทวิตข้อความพร้อมหนังสือของโรงเรียนแห่งหนึ่งรวมทั้งรูปของส.ส.พรรคอนาคตใหม่คนดังกล่าวว่า

 

ร.ร. ไผ่แก้ววิทยาทำหนังสือแจ้งแล้วนะครับ

 

สรุปคือ สส. พรรคอนาคตใหม่ คนนี้ทำหนังสือเข้าไปที่ ร.ร. ว่าจะสนับสนุนเรื่องงานช่าง และปรับปรุงอาคาร

 

แต่พอเข้าไปจริงกับนำเสนอเรื่อง การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร โดยให้เกณฑ์เด็ก ม.5-ม.6 ไปรับฟัง ช่วงบ่ายโมง ซึ่งเป็นเวลาเรียนด้วย

 

6 ธ.ค. 62 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาแสดงความคิดเห็น กรณี นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคอนาคตใหม่ เข้าไปพูดเรื่องปฏิรูปเลิกการเกณฑ์ทหาร ในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง พื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ว่า

 

“กระทรวงศึกษา มีนโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตยในหลาย ๆ มิติ ทั้งเรื่องสภานักเรียนก็ดี เรื่องการโหวตต่างๆ ในโรงเรียนก็ดี แต่การที่นักการเมืองหรือพรรคการเมือง ฉวยโอกาส และใช้กลวิธีต่างๆ เพื่อเข้าไปหลอกล่อ โฆษณาชวนเชื่อและยุยงให้เกิดความเกลียดชังในสังคมแก่เด็กและเยาวชน เป็นเรื่องเลวร้ายมาก

 

ส.ส.ทุกคนทุกพรรคควรจะร่วมมือกันในเรื่องการศึกษา อย่าใช้เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติเป็นเครื่องมือทางการเมืองเลยครับ ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย”

 

วันเดียวกัน นายจิรัฏฐ์ ก็ได้โพสต์ข้อความกล่าวแสดงความเห็นกรณีถูกกล่าวหาเข้าไปรณรงค์เลิกเกณฑ์ทหารในโรงเรียนมัธยม ถือเป็นการล้างสมองเด็กหรือไม่ พร้อมทั้งยังมีข้อความจากโพสต์ดังกล่าวที่มีเนื้อหาที่ต้องตั้งคำถามกลับส.ส.ผู้นี้ด้วย ซึ่งได้โพสต์ข้อความว่า

 

“ผมขอประณามการกระทำที่พยายามทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิด เป็นเรื่องไม่สมควร เพื่อต้องการทำให้สังคมเข้าใจผิด เพราะการกระทำแบบนี้นอกจากจะเป็นการดูถูกความคิดเยาวชนแล้ว ยังเป็นการคุกคาม กดดันคณะครูอาจารย์รวมถึงผู้บริหารโรงเรียน การรณรงค์ในโรงเรียนเป็นเรื่องถูกกฎหมายครับ

 

ไม่ไช่เรื่องร้ายแรงหรือเป็นภัยกับอนาคตของชาติ ในขณะที่วิชารักษาดินแดน หรือแม้แต่ยุวชนทหาร เป็นการยัดเยียดข้อมูลด้านเดียวที่ถูกทำให้เป็นกฎระเบียบที่บังคับใช้ กองทัพควรเปิดพื้นที่ให้น้องๆ ได้รับข้อมูลอย่างอิสระ เพราะผู้ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยตรงคือน้องๆครับ ไม่ไช่กองทัพ ไม่ไช่รัฐมนตรี ไม่ไช่นายก

 

ถ้าไม่คุยกับน้องๆ จะให้ไปคุยกับใคร ถ้าเราบอกว่าประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย ผู้ใหญ่ทั้งหลายในบ้านเมืองเราไม่มีสิทธิไปคิดแทนน้องๆเหล่านี้ และที่สำคัญไม่มีสิทธิไปตัดสินว่าอนาคตของเยาวชนเหล่านี้จะต้องมาฝึกทหารเท่านั้น โดยอ้างประโยชน์ของชาติ ในขณะที่ไม่แยแสความรู้สึกของประชาชนในชาติเลย”

 

นั่นคือข้อความของส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าคนพรรคนี้จะทำอะไรก็ตามก็มักอิงแอบพร่ำเพรียกเรียกหาแต่คำว่าประชาธิปไตย ส่วนพฤติกรรม การกระทำจะเป็นไปตามปากพูดหรือไม่ เชื่อว่าเรื่องนี้สังคมตัดสินใจได้ด้วยการพิจารณาเรื่องที่ผ่านมา และข้อมูลข้อเท็จจริงที่เพจปอกเปลือก จะนำมาเสนอต่อไปนี้

 

จับตา “ลุงแดง” พบ “หลานๆ ร.ด.”

04/12/2019

จัด สวนสนาม ปฏิญาณตน

นักศึกษาวิชาทหาร

ยึด อุดมการณ์ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

พร้อม ร้องเพลง “สดุดีจอมราชา”

 

“บิ๊กแดง” จัดใหญ่ ให้นักศึกษาวิขาทหาร กว่าพันคน สวนสนาม-ปฏิญาณตน ยึดถืออุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชี้ 8 ธันวาคม เป็น “วันนักศึกษาวิชาทหาร” ระลึกวีรกรรม”ยุวชนทหาร” ต่อต้านทหารญี่ปุ่น ยกพลขึ้นบกที่ชุมพร

 

พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานพิธีกระทําสัตย์ ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร(นศท.) ส่วนกลาง ที่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ในวันที่6 ธ.ค.2562

 

จะมี นศท. 1,134 คน จัดเป็น 4 กรม 8กองพัน ประกอบด้วยกองพันเดินสวนสนาม 6 กองพัน และกองพันวิ่งสวนสนาม 2 กองพัน สวนสนาม

 

และ ร้องเพลง “สดุดีจอมราชา”

https://www.lapluangprangchannel.com/?p=35193

 

นั่นคือข้อความข่าวที่เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ลับลวงพรางฯ  ซึ่งต่อมาก็ปรากฏถึงการรายงานเรื่องราวดังกล่าวอย่างเป็นทางการผ่านสื่อหลายสำนัก เช่น

 

6 ธ.ค. 62 พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารส่วนกลาง ประจำปีการศึกษา 2562 ภายในศูนย์เยาวชนกรุงเทพฯ หรือสนามไทยญี่ปุ่น ดินแดง โดยมีผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารและนักศึกษาวิชาทหารทั้งชายและหญิงเข้าร่วมพิธีจำนวน 1,134 นาย

 

โดยจัดเป็น 4 กรม 8 กองพันผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวให้โอวาทกับนักศึกษาวิชาทหารว่า นักศึกษาวิชาการเป็นกำลังสำรอง เป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ แม้ว่าการศึกษาวิชาทหารครบตามหลักสูตรจะทำให้ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ

 

แต่สถานการณ์ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างกำลังทหารและกำลังสำรองในรูปแบบต่าง ๆ ของประเทศมหาอำนาจ นำไปสู่ความขัดเเย้งตลอดจนการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อประกอบอาชีพ ทหารจึงพร้อมที่จะปฏิบัติเพื่อป้องบรรพบุรุษของพวกเรา

 

พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร จัดขึ้นเพื่อให้นักศึกษาวิชาทหารได้กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อหน้าผู้บังคับบัญชาระดับสูง และประชาชน ว่าจะยึดถืออุดมการณ์และดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฯลฯ

 

สำหรับการประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักวิชาทหารของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เริ่มครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2509 ที่หน้าพระลานพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้น เป็นประธาน

 

พิธีนี้มีประจำทุกปี โดยมอบให้หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนรับผิดชอบการจัดพิธี พร้อมทั้งได้อนุมัติให้วันที่ 8 ธันวาคมเป็นวันนักศึกษาวิชาทหาร เพื่อระลึกถึงวีรกรรมของยุวชนทหารที่ร่วมการต่อต้านทหารญี่ปุ่น ยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร

https://www.nationtv.tv/main/content/378753678/

 

จากประเด็นข้างต้นทำให้เห็นข้อมูลที่ประจักษ์ถึงความสำคัญและการมีอยู่ของนักศึกษาวิชาการ หรือ รด. กระทั่งยุวชนทหารเมื่ออดีต ซึ่งนี่คือเรื่องจริงในเชิงประจักษ์ชัดว่าแท้แล้ว การมีอยู่ของนักศึกษาวิชาทหาร หรือ ทหารเกณฑ์ ไม่ได้เป็นการยัดเยียด บีบคั้นแต่อย่างใด แต่กลังตรงข้ามคือมีการสมัครใจมาเรียน รวมทั้งการเสียสละเพื่อประเทศชาติ

 

ส.ส.พรรคอนาคตใหม่รู้หรือไม่ว่า  ทำไม​จำนวน​ รด.หญิง​ ถึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง​ ทั้งๆที่ไม่ต้องเข้ามาเรียนก็ได้ และเพิ่มขึ้นตลอด 5ปีที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวเพจปอกเปลือกพบว่า มีจำนวนผู้สมัคร รด.หญิงเพิ่ม 20.1% ดังนี้

 

ปี 2558 สมัครเรียนรด.หญิง 26,842 คน

 

ปี 2559 สมัครเรียนรด.หญิง 28,410 คน

 

ปี 2560 สมัครเรียนรด.หญิง 27,830 คน

 

ปี 2561 สมัครเรียนรด.หญิง 29,284 คน

 

ปี 2562 สมัครเรียนรด.หญิง 32,263 คน

 

นี่คือข้อมูลจริงอีกด้านที่ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ไม่พูดถึง หรือไม่รู้ในเรื่องนี้??? เพราะการที่มี​ ส.ส.ชายบางคนบอกว่า​ วิชารักษาดินแดน​ (รด.)​ ยัดเยียดด้านเดียว​ กองทัพ​ควรเปิดพื้นที่ให้น้องๆได้รับรู้ข้อมูลอย่างอิสระ​ เพราะเป็นผู้รับผลกระทบโดยตรง!!! คำถามคือ กองทัพไปบังคับให้ใครมาเรีย​น​ รด.ตรงไหน​???

 

สำหรับ ยุวชนทหาร คือ เยาวชนที่ได้รับการฝึกวิชาทหารขึ้นในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2477 – 2490 เนื่องจากรัฐบาลไทยสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามมีนโยบายพื้นฟูการฝึกวิชาทหารให้แก่ประชาชน ดำเนินการโดยกรมยุวชนทหาร กระทรวงกลาโหม

 

โดยเมื่อกิจการเสือป่าได้ทรุดโทรมลง เหตุการณ์ในยุโรปประมาณปี พ.ศ. 2475 กำลังผันผวน รัฐได้คำนึงว่า ทหารกองหนุนมีจำนวนมาก แต่ขาดตัวผู้บัญชาการในตำแหน่งผบ.หมวด (กองหนุน) จึงได้คิดจัดตั้ง กรมยุวชนทหารขึ้นได้เริ่มมีการฝึกวิชาทหารให้แก่นักเรียน

 

กระทรวงกลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งมีหลักเกณฑ์เข้ารับการฝึกวิชาทหารเพื่อเป็นยุวชนทหารคือ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และไม่เกิน 17 ปี เป็นลูกเสือเอก และเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย

 

วีรกรรมของยุวชนทหาร ที่กล่าวขานมาจนถึงปัจจุบันก็คือ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงกลางปี พ.ศ. 2482 สงครามลุกลาม วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2483 ญี่ปุ่นเข้าร่วมโดยยึดดินแดนที่เป็นอาณานิคมของฝ่ายสัมพันธมิตร (สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต และจีน) โดยชูนโยบาย เอเชียเพื่อชาวเอเชียเพื่อสร้างเอเชียให้เป็นหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่า สงครามมหาเอเชียบูรพา

 

8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้โจมตีฐานทัพเพิร์ลฮาเบอร์ของสหรัฐอเมริกา และส่งกองทัพไปโจมตีประเทศอื่นๆ ในแถบแปซิฟิก หมู่เกาะต่างๆของอินโดนีเซีย ทะเลจีนใต้ รวมถึงไทย ทำให้ญี่ปุ่นสามารถยึดครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด

 

7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 กองเรือรบญี่ปุ่นเผชิญพายุฝนทำให้กำหนดการบุกขึ้นฝั่งคลาดเคลื่อน โดยรุ่งเช้า วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร 2 จุด คือที่บ้านแหลมดิน และบ้านคอสน

 

ร้อยเอก ถวิล นิยมเสน ผู้บังคับหน่วยฝึกยุวชนทหารที่ 52 จัดกำลังต้านทานกองทัพญี่ปุ่นโดยแบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วน โดยยุวชนทหารทั้งหมดที่เข้าการรบเป็นยุวชนทหารชั้นปีที่ 2 ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาแล้วเป็นอย่างดีและกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของปีการศึกษานั้น

 

กำลังพลยุวชนทหารต้องต่อสู้กับญี่ปุ่นโดยลำพังด้วยความรักชาติ ความกล้าหาญ การเสียสละเพื่อพิทักษ์แผ่นดินไทย การสู้รบได้ยืดเยื้อจนกระทั่งรัฐบาลได้สั่งให้มีการหยุดยิงผ่านทางรถวิทยุกระจายเสียง

 

พ.ศ. 2490 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงได้ 2 ปี การฝึก “ยุวชนทหาร” ได้ถูกยกเลิกตามพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติยุวชนแห่งชาติ พุทธศักราช 2490

 

แต่ความจำเป็นในด้านการเตรียมกำลังสำรองสำหรับประเทศยังคงมีอยู่ จึงได้มีการจัดตั้งกรมการรักษาดินแดนในปี พ.ศ. 2491 ขึ้นเพื่อทำการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร เป็นกำลังสำรองทดแทนยุวชนทหารสืบต่อมา

 

การต่อสู่ด้วยความเสียสละของยุวชนทหารเป็นไปอย่างยืดเยื้อยาวนาน ได้รับการสร้างเป็นอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีอยู่มาถึงปัจจุบัน ขณะที่นักศึกษาวิชาทหารซึ่งถูกตั้งมาทดแทนก็มีความสำคัญ เฉกเช่นทหารเกณฑ์ !!! แล้วทำไมเราถึงปล่อยให้พวกที่ไร้จิตสำนึกปลุกปั่นด้วยข้อมูลด้านเดียว??? มาทำลายรั้วของชาติด้วยน้ำลายแค่อ้างประชาธิปไตยกระนั้นหรือ?!?