นาโต้บัญชาการ?? ปูตินแย้มผบ.สูงสุดยูเครนอยู่ต่างประเทศ เครมลินย้ำกำลังทหารเคียฟลดฮวบตามเป้าหมาย

0

สถานการณ์ล่าสุดของศึกยูเครน กองทัพรัสเซียได้ทำลายระบบอาวุธที่ผลิตในประเทศของยูเครนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ประเทศต้องพึ่งพาอาวุธตะวันตก กำลังทหารร่อยหรอจนต้องอาศัยกำลังทหารต่างชาติมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินเปิดเผยว่า “ยูเครนมีกำลังทางทหารสูงเมื่อความขัดแย้งเริ่มขึ้น และตามที่ประธานาธิบดีปูตินกล่าวเมื่อวานนี้ หนึ่งในเป้าหมายคือการทำให้ยูเครนปลอดทหาร ได้บรรลุเป้าหมายนี้โดยพฤตินัยแล้ว และใช้อาวุธของตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ ค่อยๆเปลี่ยนไปใช้อาวุธที่จัดหาโดยสมาชิกของกลุ่มนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ”

 

โฆษกเสริมว่าความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟทำให้ประเทศตะวันตกเป็น“คู่กรณีในความขัดแย้ง”และทำให้สถานการณ์ในยุโรปตึงเครียด และคาดเดาไม่ได้มากขึ้นทั้งหมดนี้กระตุ้นให้รัสเซียใช้“มาตรการที่เด็ดขาดมากขึ้นเพื่อรับรองความปลอดภัยของประชาชนในดอนบาสและความปลอดภัยของสหพันธรัฐรัสเซีย” 

คลังแสงจำนวนมากของยูเครนในตอนแรกประกอบด้วยระบบอาวุธยุคโซเวียตและรุ่นอัพเกรด การสงครามตัวแทนเริ่มขึ้นประเทศตะวันตกได้จัดหายุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยให้กับเคียฟมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงรถถังหนัก ขีปนาวุธต่อต้านเกราะและขีปนาวุธต่อต้านอากาศ โดรน เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง และปืนครก 

เมื่อกองทหารยูเครนเปิดฉากการตอบโต้ที่รอคอยมานาน จากข้อมูลของมอสโกว์ ปูตินบอกกับผู้เข้าร่วมสัมนา SPIEF ว่า ๑๐ วันของการโจมตียูเครนสูญเสียรถถังตะวันตก ๑๘๖ คัน ยานเกราะ ๔๑๘ คัน จนถึงวันนี้การโจมตียังล้มเหลวในการเจาะแนวป้องกันของรัสเซีย

ในการพูดคุยกับสื่อสายทหารปูตินแย้มว่านายพลระดับสูงของยูเครน ซาลุซนีย์ อาจอยู่ต่างประเทศ

วันที่ ๑๙ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับที่อยู่ของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครน วาเลอร์รี ซาลุชนี(Valery Zaluzhny) ระหว่างการประชุมของปูตินกับนักข่าวสายทหารในกรุงมอสโกเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า “ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าซาลูซนีย์อยู่ที่ไหน แต่เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น คุณต้องเปลี่ยนไปใช้ภาษาต่างประเทศ สำหรับฉันดูเหมือนว่าเขาอยู่ต่างประเทศ แต่ฉันอาจคิดผิดก็ได้” ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวกระตุ้นให้นักข่าวถามนายพลระดับสูงของยูเครนเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ก่อนหน้านี้ตัวแทนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัสเซียบอกกับ Sputnik โดยอ้างแหล่งข่าวทางทหารของยูเครนว่าZaluzhny ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและบาดแผลจากเศษกระสุนอันเป็นผลมาจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ช่วงนั้นตัวแทนโรงพยาบาลในยูเครนกล่าวในช่องเทเลแกรมว่า“มีการปฐมพยาบาล Zaluzhny ใน Nikolayev เพื่อห้ามเลือด เขาได้รับการเจาะเลือดที่กะโหลกศีรษธที่โรงพยาบาลทหารในเคียฟ”

 

 

ความสงสัยและคำถามแรกเกี่ยวกับอาการและที่อยู่ของ Zaluzhny เกิดขึ้นหลังจาก NATO รายงานเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคมที่ผ่านมาว่าเขาได้แจ้งให้พันธมิตรทราบว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดคุยกับสมาชิกของคณะกรรมการทหารของนาโต้ แม้จะผ่านวิดีโอลิงก์ก็ตาม ความเลยแตกว่าผบ.สูงสุดของยูเครนไม่อยู่ในสภาพบัญชาการรบได้นับแต่นั้นมา เครมลินเคยแย้มว่าหน่วยรบทั้งหลายที่กำลังสู้กับรัสเซียอยู่นี้บัชการโดยนายทหารนาโต้ และในระหว่างการสู้รบจะพบทั้งฝ่ายนำและทหารเป็นกำลังผลผสมจากหลายประเทศสมาชิกนาโต้ที่ทางรัสเซียนำมาเปิดเผยอยู่เป็นระยะ

สภาพของกองทัพยูเครนโดยภาพรวมแล้วย่ำแย่ แต่ยังคงรุกรบอยู่ได้ด้วยการหนุนหลังจากนาโต้ทั้งกำลังคนและอาวุธ ทางด้านรัสเซียล่าสุดรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เดินทางตรวจสอบโรงงานผลิตรถถังในเขต Omsk และเผยแพร่ให้รู้ว่ารัสเซียพร้อมลุยศึกแค่ไหน สอดคล้องกับที่ปูตินบอกในที่สัมมนาว่า รัสเซียสามารถผลิตอาวุธที่จำเป็นได้ถึง ๑๐ เท่า

 

รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู (Sergei Shoigu) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมภูมิภาคออมสค์ (Omsk) เพื่อดูว่ามีการปฏิบัติตามคำสั่งป้องกันของรัฐที่โรงงานระดับภูมิภาคเกี่ยวกับการผลิตรถถังและระบบเครื่องพ่นไฟขนาดใหญ่อย่างไร

กระทรวงระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า “นายพลเซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้ตรวจสอบการดำเนินการผลิตยุทโธปกรณ์ที่โรงงานแห่งหนึ่งในเขตออมสค์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการผลิตรถถังและระบบเครื่องพ่นไฟหนัก” 

รัฐมนตรียังตรวจสอบว่ามีการจัดเตรียมอุปกรณ์และอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อส่งไปยังพื้นที่ของปฏิบัติการทางทหารพิเศษในภูมิภาคอย่างไร ปืนใหญ่อัตตาจรมากกว่า ๔,๐๐๐ กระบอกได้ถูกส่งไปยังพื้นที่ปฏิบัติการพิเศษแล้ว หัวหน้าหน่วยขีปนาวุธหลักและปืนใหญ่ของกระทรวงกลาโหมนิโคลาย ปาร์ชิน (Nikolay Parshin) กล่าวรายงานกับ Shoigu และเสริมว่ามีแผนจะจัดส่งหน่วยติดอาวุธอัตตาจรอีก ๗๐๐ หน่วยเพิ่มอีกในเร็วๆ นี้

การที่สหรัฐฯและนาโต้ประกาศชัดว่าจะทุ่มหมดหน้าตัก และจะต้องให้ยูเครนชนะให้ได้จึงมีการเจรจาสงบศึก บ่งบอกเจตนาร้ายที่ซ่อนมานานในการทำลายล้างรัสเซีย วันนี้ใช่แต่รัสเซียเท่านั้นที่ตระหนักรู้ นานาชาติทั่วโลกก็เริ่มเข้าใจชัดเจนแล้วว่าเหตุใดปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียจึงต้องเกิดขึ้นกับยูเครน!!??