ปาเลสไตน์ไม่โดดเดี่ยว!! รัสเซียจ่อเปิดสถานกงสุลใหญ่ ต.ต.เยรูซาเลม ขณะจีนประกาศหนุนแก้ปัญหาสองรัฐ

0

การเมืองใหญ่ภูมิรัฐศาสตร์โลก เคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญในตะวันออกกลางล่าสุดรัสเซียประกาศเตรียมเปิดสถานกงสุลใหญ่รัสเซีย ประจำเขตตะวันตกของนครเยรูซาเลม ทำให้อิสราเอลดีใจว่า เป็นสัญญาณการยอมรับการมีสถานะเมืองหลวงของเยรูซาเลม ซึ่งตอนนี้อิสราเอลป่าวประกาศว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และทำการยึดพื้นที่ของมัสยิดอัลอักซอในทางปฏิบัติ จนเกิดความรุนแรงในช่วงถือศีลอดครั้งที่ผ่านมา

ในขณะที่เมื่อต้นสัปดาห์ ปธน.ปาเลสไตน์เข้าพบหารือกับปธน.สี จิ้นผิง ได้รับคำมั่นหนุนให้ปาเลสไตน์มีตัวตนเป็นประเทศเอกราช และเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ และยืนยันจะช่วยเหลือคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างสองรัฐให้เกิดความยุติธรรมด้วย

สถานะของกรุงเยรูซาเล็มนั้นเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ ชาวยิว และชาวมุสลิม ถูกยกเป็นพื้นที่พิเศษที่ใช้ร่วมกัน แต่เมื่ออิสราเอลมายึดเอาดื้อๆยิ่งจะ เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์

วันที่ ๑๘ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวอัลอะราบิญาและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอิสราเอลออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการเตรียมใช้สถานที่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตะวันตกของนครเยรูซาเลม และเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลมอสโกว์ ในการก่อสร้างสถานกงสุลใหญ่ 

ทั้งนี้ รัสเซียเป็นเจ้าของอาคารหลายแห่งในฝั่งตะวันตกของนครเยรูซาเลม ซึ่งเป็นการซื้อก่อนการสถาปนาอิสราเอล เมื่อปี ๒๔๙๑

ด้านกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลออกแถลงการณ์ ยืนยันการประกาศของรัสเซีย พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า “เป็นความสำเร็จทางการเมือง” ในการยกระดับสถานะของนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ด้วยการที่รัฐบาลมอสโกว์เป็นประเทศล่าสุด ซึ่งเข้ามาเปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเยรูซาเลมทั้งย้ำว่า “เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล”

ขณะที่รัฐบาลปาเลสไตน์ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ จนถึงปัจจุบัน เกือบทุกประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ตั้งสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงเทลอาวีฟ แต่สหรัฐได้ย้ายสถานเอกอัครราชทูตมาตั้งที่นครเยรูซาเลม เมื่อปี ๒๕๖๑ ในสมัยทรัมป์ จุดชนวนการประท้วงอย่างหนักจากชาวปาเลสไตน์

อิสราเอลซึ่งยึดครองเยรูซาเลมตะวันออกในสงครามตะวันออกกลางในปี ๒๕๑๐ และต่อมาได้ผนวกเข้ายึดครอง ทางการปาเลสไตน์ (PA) ยืนยันว่าเยรูซาเล็มตะวันออกซึ่งอิสราเอลยึดครอง อย่างผิดกฎหมายตั้งแต่ปี๒๕๑๐ ควรทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มาก่อนที่อิสราเอลจะอพยพมา

ประชาคมระหว่างประเทศส่วนใหญ่ไม่ยอมรับอำนาจอธิปไตยของอิสราเอลทั่วทั้งเมืองโดยเชื่อว่าสถานะของเยรูซาเลมควรได้รับการแก้ไขในการเจรจา

ในขณะที่สถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทลอาวีฟ แต่ ๔ แห่งได้เปิดทำการในกรุงเยรูซาเล็ม หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯประกาศรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ และสหรัฐฯ ย้ายสถานทูตจากเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเล็มในเดือนพฤษภาคมปีถัดมา

ในเวลานั้น ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียแสดงความกังวลอย่างจริงจังและกล่าวว่า “ขั้นตอนดังกล่าวสามารถยกเลิกโอกาสสำหรับกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง”ได้

แถลงการณ์อย่างเป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า การเป็น “ สำนักงานสาขาของแผนกการกงสุลของสถานทูตรัสเซียในอิสราเอล ” ตอกย้ำการอ้างสิทธิ์ของมอสโกว์ในดินแดนซึ่งตั้งอยู่บนหัวมุมถนน King George และ Ma’alot ในใจกลางเมืองเยรูซาเล็ม ที่พักซึ่งปัจจุบันเป็นที่จอดรถ จะมีที่พักสำหรับนักการทูตรัสเซียรวมถึงห้องประชุม กระทรวงการต่างประเทศยืนยัน พร้อมอธิบายข้อตกลงที่ลงนามกับกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อเดือนที่แล้วว่าเป็น “ ความสำเร็จทางการทูต ” โดยระบุว่า“ขั้นตอนนี้ตอบสนองผลประโยชน์อย่างเต็มที่ในการกระชับความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรระหว่างรัสเซียและอิสราเอล และสอดคล้องกับแนวทางที่ไม่เปลี่ยนแปลงของประเทศของเราในการตั้งถิ่นฐานในตะวันออกกลางที่ยุติธรรม” 

ความสัมพันธ์ของอิสราเอลกับรัสเซียยังคงตึงเครียดนับตั้งแต่มอสโกว์เปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

ในขณะที่อิสราเอลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมองว่าเป็นการเลือกข้างในความขัดแย้งในยูเครน แต่อิสราเอลได้ลงมติร่วมกับเคียฟเกี่ยวกับมติของสหประชาชาติ และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการป้องกัน จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการจัดหาระบบอาวุธอย่างเป็นรูปธรรมให้กับยูเครนโดยตรง แต่ประกาศจะขายอาวุธให้รัฐบาลในยุโรป ซึ่งตอนนี้เปิดหน้าต่อต้านรัสเซียและส่งเงินและอาวุธให้ยูเครนอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาซีเรีย ปาเลสไตน์ล้วนมีความซับซ้อนในด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก การเคลื่อนไหวของรัสเซียครั้งล่าสุดไม่อาจสรุปว่าเป็นผลดีกับอิสราเอลอย่างเต็มร้อย เพราะข้อเท็จจริงของการปะทะกันที่ชายแดนซีเรีย เลบานอน และเวสต์แบงค์ยังระอุเดือดซึ่งทั้งหมดเป็นฝีมืออิสราเอลหนุนโดยสหรัฐฯ  การทูตอย่างหนึ่งแต่การทหารก็อาจได้เห็นอีกแบบหนึ่ง ยิ่งล่าสุดสหรัฐฯส่งฝูงบินรบสเตลท์รุ่นดังมาประจำการในตะวันออกกลาง ที่ฐานทัพสหรัฐฯชายแดนซีเรียต่ออิรัก ปมเงื่อนของซีเรีย เลบานอนและเวสต์แบงค์ เกี่ยวโยงกันอย่างไม่อาจตัดขาดได้ ตัวละครเรื่องนี้ วันนี้มีมหาอำนาจเข้าฉากที่ไม่ได้มีแต่เมกา รัสเซีย แต่ยังมีอิหร่าน จีนและซาอุดีอาระเบียก้าวเข้ามาร่วมด้วย ต้องติดตามอย่างไม่กระพริบตา ว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางใด!!??