ต่อหน้าสักขีพยานผู้เข้าร่วมสัมมนาฟอรัมเศรษฐกิจ ๑๓๐ ประเทศที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บ้านเกิดของปูติน สุนทรพจน์ของผู้นำรัสเซีย ได้ก่อผลสะเทือนต่อมหาอำนาจขั้วเดี่ยวแองโกลแซกซอนไม่น้อย เขามุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจรัสเซียเปรียบเทียบช่วงเวลาตั้งแต่งานฟอรัมเศรษฐกิจ SPIEF เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาได้เข้าร่วมด้วย เขาประเมินว่าการเลือกนโยบายต่างประเทศของมอสโกว์ เกิดขึ้นท่ามกลางการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯและพันธมิตร ได้พิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง ประธานาธิบดีอ้างถึงอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ การว่างงานที่ต่ำเป็นประวัติการณ์และการฟิ้นตัวแนวบวกของ GDP ตลอดจน การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อโครงสร้างการส่งออกของรัสเซีย รวมถึงตัวชี้วัดอื่นๆ
ทั้งหมดบ่งบอกว่า รัสเซียทำได้ดีเป็นตัวอย่างให้ผองเพื่อนได้เห็นทางออกของแนวทางใหม่แห่งโลกหลายขั้วที่ยุติธรรมสามารถปรากฎเป็นจริงได้ เริ่มที่ปลดภาระอำนาจผูกขาดดอลลาร์ เป็นอิสระในความเป็นตัวของตัวเองและรวมมือกันอย่างจริงใจ
วันที่ ๑๗ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ปธน.ปูตินฟันธง ระบบอาณานิคมใหม่ที่ ‘อัปลักษณ์’ ตายแล้ว ระเบียบโลกพหุภาคีใหม่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
รัสเซียส่งเสริมการค้ากับชาติต่างๆ อย่างมาก ซึ่งไม่ยอมอ่อนข้อให้กับแรงกดดันจากต่างชาติ จึงเป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่าโลกได้ละทิ้งระบบอาณานิคมใหม่แบบเก่าแล้ว ขณะนี้มนุษยชาติกำลังก้าวไปสู่การจัดเรียงแบบพหุขั้วใหม่
ปูตินอธิบายสถานะปัจจุบันของรัสเซียในเศรษฐกิจโลกว่า “การค้าของเรากับบางประเทศ ซึ่งผู้นำไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากต่างชาติที่มักง่าย และถูกชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติตนเองมากกว่าชาติอื่น เติบโตขึ้นหลายเท่าแทนที่จะเป็นหลายสิบเปอร์เซ็นต์” “นี่เป็นข้อพิสูจน์เพิ่มเติมว่าสามัญสำนึก พลังงานทางธุรกิจ และกฎของตลาดที่เป็นกลางนั้นแข็งแกร่งกว่าข้อพิจารณาทางการเมือง”
ปธน.ตอกย้ำว่า “ในท้ายที่สุด ชาติตะวันตกจะต้องการพูดคุยถึงการรับประกันความปลอดภัยของรัสเซียหลังจากที่เคยปฏิเสธมาตลอด” ถ้อยแถลงหลายประเด็นเกี่ยวกับกิจการด้านนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องกับยูเครน และการขัดแย้งในวงกว้างกับตะวันตกโดยรวม
ไฮไลท์จากสุนทรพจน์เชิงนโยบายของปธน.ปูตินที่ SPIEF มีประเด็นน่าสนใจหลายประการ
๑.การโต้กลับของยูเครนทำให้สูญเสียอย่างหนัก และไม่ได้กำไร
ประธานาธิบดีของรัสเซียให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการต่อต้านของยูเครนที่มีการประกาศมาอย่างยาวนาน ซึ่งเริ่มอย่างไม่แน่นอนในต้นเดือนมิถุนายน จนถึงวันนี้
“การสูญเสียของพวกเขาหนักมาก เสียกำลังพลมากกว่าหนึ่งในสิบเมื่อเทียบกับกองทัพรัสเซีย นั่นคือข้อเท็จจริง ในแง่ของฮาร์ดแวร์ การสูญเสียยุทโธปกรณ์นี้เพิ่มขึ้นทุกวัน”พร้อมเสริมว่าจนถึงขณะนี้เคียฟล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมาย สูญเสียกำลังสำรองทางยุทธศาสตร์ไปในการผลักดันกองกำลังของรัสเซีย
๒.ความช่วยเหลือทางทหารของตะวันตกจะไม่ช่วยยูเครนบรรุความสำเร็จ
ปูตินกล่าวว่าปฏิบัติการทางทหารที่เข้มข้นขึ้นทำให้คลังอาวุธยุทโธปกรณ์ของยูเครนลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมทำนายว่ากองทัพของยูเครนจะขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือจากต่างประเทศทั้งหมดในอนาคตอันใกล้นี้ “คุณคงทำสงครามนานแบบนั้นไม่ได้ แต่อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัสเซียเติบโตขึ้นทุกวัน”
เขากล่าวย้ำว่า “อาวุธใดๆ ที่เคียฟได้รับจากกลุ่มตะวันตกจะจบลงด้วยการถูกทำลาย ปูตินเตือนว่า “รถถังกำลังลุกไหม้ แม้F-16 ก็เช่นกันไม่ต้องสงสัยเลย”
๓.การมีส่วนร่วมของนาโต้ในความขัดแย้งนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 ที่มีศักยภาพจะทำให้กลุ่มนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องบินลำนี้อาจถูกส่งไปประจำการในต่างประเทศ ขณะที่ปฏิบัติการต่อสู้จำกัดในน่านฟ้าของยูเครนเท่านั้น
ในกรณีเช่นนี้ปูตินระบุว่า “เราจะต้องดูว่าเราจะโจมตีทรัพย์สินที่ใช้ในการสู้รบกับเราได้อย่างไรและที่ไหน” “นี่เป็นอันตรายร้ายแรงที่จะดึง NATO เข้าสู่ความขัดแย้งทางอาวุธนี้ต่อไปอย่างเปิดเผย”
๔.ตะวันตกต้องการพูดคุยกับรัสเซียเกี่ยวกับการรับประกันความปลอดภัย
ปูตินกล่าวว่ามอสโกว์ไม่เคยปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจากับกลุ่มตะวันตก โดยเสนอข้อตกลงด้านความมั่นคงอย่างครอบคลุมก่อนการสู้รบที่กำลังดำเนินอยู่ แต่ไม่นานจะเริ่มต้นขึ้นอีก ที่ผ่านมาชาติตะวันตกปฏิเสธการเจรจา แต่ท้ายที่สุดก็จะถูกบีบให้ละทิ้งท่าทีเผชิญหน้า
๕.จุดยืนของรัสเซียเกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ประเด็นนี้ทุกคนพากันหูผึ่ง
ประธานาธิบดีรัสเซียเตือนไม่ให้พูดถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์แบบปกติ โดยเตือนว่า“ข้อเท็จจริงของการหารือเกี่ยวกับหัวข้อนี้ได้ลดเกณฑ์การใช้อาวุธนิวเคลียร์ลงแล้ว” เขากล่าวว่า “เรามีอาวุธประเภทนี้มากกว่าประเทศในกลุ่มนาโต้ พวกเขารู้เรื่องนี้และพยายามเกลี้ยกล่อมให้เราเริ่มเจรจาเรื่องการลดขนาดเพื่อประโยชน์สำหรับพวกเขา”
ปูตินยืนยันปฏิเสธแนวคิดที่จะเข้าร่วมการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์กับชาติตะวันตก อย่างน้อยก็ช่วงเวลานี้!