ประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซียกล่าวกับผู้สื่อข่าวสงครามที่ทำเนียบเครมลินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า กองทหารยูเครนกำลัง“สูญเสียอย่างหนัก”ซึ่งเขาประเมินว่ามากกว่ารัสเซียถึง ๑๐ เท่า ผู้นำรัสเซียยังกล่าวอีกว่า ยูเครนสูญเสียยุทโธปกรณ์มากถึง ๓๐% ที่ชาติตะวันตกส่งมาให้ จากความสูญเสียทั้งหมด พวกเขากำลังเข้าใกล้ สิ่งที่เรียกว่าเป็นหายนะในแง่ของบุคลากรทหาร
ส่วนการสูญเสียกำลังพลของเราจะถูกประกาศยืนยันโดยกระทรวงกลาโหม ตอนนี้เราเสียรถถังไป ๕๔ คัน
กองทัพสหรัฐฯปฏิเสธแสดงความคิดเห็นกรณีที่ยานเกราะล้ำสมัยที่ผลิตโดยสหรัฐฯหลายสิบคันถูกเล่นงานได้รับความเสียหาย” แต่ Stoltenberg เลขาธิการนาโต้ยืนยันความสูญเสียของยูเครนในการรุก และกล่าวว่า NATO จะส่งสัญญาณชัดเจนว่าพร้อมรับยูเครนเข้าเป็นพันธมิตร แต่จะขอหารือทั้ง ๓๑ ประเทศสมาชิกในการประชุมสุดยอดครั้งหน้า และย้ำว่าจะต้องหนุนยูเครนเอาชนะรัสเซียให้ได้ จึงจะมีการเจรจาสันติภาพ
ทำเป็นปากดีแต่โวยวายใหญ่เมื่อปรากฎภาพรัสเซียส่งขีปนาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีติดตั้งประจำการแล้วที่เบลารุส
ล่าสุดรายงานจาก Washington Postเองยืนยันการสูญเสียของการโถมกำลังบุกของยูเครนในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ทหารของกองพลที่ ๓๗ ของกองทัพยูเครนได้รับการฝึกฝนที่ทันสมัยตามมาตรฐานของนาโต้ และใช้อาวุธที่จัดหามาจากตะวันตก แต่เพียงแค่ ๒๐ นาทีหลังจากการโจมตี พวกเขากลับต้องพบกับความสูญเสียอย่างหนัก มีทหารเกือบร้อยคนไม่มีโอกาสได้กลับมา มีทั้งถูกสังหาร บาดเจ็บ และถูกจับโดยกองทัพรัสเซีย รถหุ้มเกราะของหน่วย ๕ คันถูกทำลายทันทีในชั่วโมงแรก นี่เป็นสภาพการรบเพียงจุดเดียว เคียฟ-นาโต้พ่ายแพ้ยับเยิน โดยภาพรวมจึงเข้าขั้นสาหัสตรงตามที่ปูตินพูดกับสื่อที่เครมลิน
วันที่ ๑๕ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และทาซซ์รายงานว่า กลาโหมรัสเซียประเมินความสูญเสียจากการโต้กลับของยูเครน ระบุว่า กองกำลังผสมเคียฟ-นาโต้กว่า ๗,๕๐๐ นายเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีที่ล้มเหลวตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยจำนวนดังกล่าวนับรวมเฉพาะทหารประจำการในแนวหน้าเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ที่ถูกขีปนาวุธความแม่นยำสูงของรัสเซียและโจมตีทางอากาศลึกเข้าไปในดินแดนของยูเครน
ความสูญเสียโดยประมาณครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน เมื่อกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าได้ขับไล่การรุกขนาดใหญ่ของยูเครนตามแนวรบ ๕ แห่งในดอนบาส ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กองทหารของเคียฟได้พยายามโจมตีตำแหน่งของรัสเซียหลายต่อหลายครั้ง แต่ล้มเหลวในการยึดครอง
ในช่วง ๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา กองทหารรัสเซียได้ขับไล่การโจมตีของยูเครน ๒ ครั้งใกล้กับที่ตั้งถิ่นฐานของ Makarovka ทางตอนใต้ของแนวรบ การโจมตีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกองทหารราบที่ใช้เครื่องยนต์ของยูเครน ๒ กองร้อย รถถัง ๔ คัน และรถหุ้มเกราะ ๑๑ คัน รถถังแต่ละคันถูกทำลายพร้อมกับยานเกราะเจ็ดคัน
การโจมตีของยูเครนอีกครั้งในนิคม Prechistovka ที่อยู่ใกล้เคียงก็ล้มเหลวเช่นกัน โดยกองกำลังของเคียฟสูญเสียรถถัง ๕ คันและรถหุ้มเกราะ๕ คัน
โฆษกกลาโหมรัสเซียระบุว่า ความสูญเสียทั้งหมดของยูเครนทางตอนใต้ของภูมิภาคโดเนตสค์และซาโปโรซีในช่วง ๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวนมากกว่า ๘๐๐ นาย รถถัง ๒๐ คัน รถหุ้มเกราะ ๑๕ คัน เรือบรรทุกบุคลากรติดอาวุธ ๔ ลำ และยุทโธปกรณ์ทางการทหารอื่นๆ
นอกจากนี้ กองกำลังรัสเซียยังดำเนินการโจมตีระยะไกลด้วยความแม่นยำสูงในพื้นที่ชุมนุมของกองหนุนยูเครนและทหารรับจ้างต่างชาติ เช่นเดียวกับโกดังทหารที่เก็บยุทโธปกรณ์ที่จัดหาจากต่างประเทศ “เป้าหมายทั้งหมดถูกโจมตีแล้ว”
สถานการณ์โดยรวมหน้างานการศึกProxy War ที่ยูเครน ปูตินย้ำว่าตะวันตกกำลังสูบฉีดยูเครนด้วยอาวุธและพวกเขาก็ภูมิใจกับมัน ทั้งที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
เขาระบุชัดในการพูดคุยกับสื่อว่า ในการดำเนินการของ SMO เป็นที่ชัดเจนว่ายังมีหลายสิ่งที่ยังมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็น UAVs, กระสุนที่มีความแม่นยำสูง, เครื่องมือสื่อสาร

แต่รถถัง T-90 Proryv (Breakthrough) ของเรา พิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในรถถังอีกรุ่นหนึ่งที่ดีที่สุดในโลก การผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียเพิ่มขึ้น ๒.๗ เท่าและเรายังสามารถเพิ่มได้เป็น ๑๐ เท่า เมื่อถึงเวลาที่เราต้องการมันมากที่สุด
ปูตินสรุปทิศทางเพิ่มเติมของ SMO ว่าจะขึ้นอยู่กับผลของการโต้กลับของยูเครน เขากล่าวว่า “เราจำเป็นต้องยกทัพไปที่เคียฟหรือไม่ ถ้าใช่ เมื่อถึงเวลานั้น เราอาจต้องการการระดมพลครั้งใหม่ ถ้าไม่ใช่ เราก็ไม่ต้องการ สำหรับตอนนี้ ยังไม่จำเป็นต้องมีการระดมพล”