ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียได้เรียกประชุมผู้บัญชาการทหาร และเชิญผู้สื่อข่าว บล็อกเกอร์ของรัสเซียมาร่วมพูดคุย สื่อหลักของรัสเซียได้เปิดเผยความคิดของปูติน และการสรุปสถานการณ์โดยรวมไว้น่าสนใจ เป็นสิ่งเขาบอกกับนักข่าวเกี่ยวกับเป้าหมายของรัสเซียในความขัดแย้งในยูเครน เปิดเผยถึงความไม่พอใจและความทะเยอทะยานในระยะยาวของตะวันตกในปัจจุบัน และระบุว่าจำเป็นต้องมีการระดมพลครั้งใหม่หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า กองทัพรัสเซียได้ทำลายรถถังยานรบของตะวันตกที่ส่งมาให้ยูเครนลุยในสนามรบแล้วพังยับไปแล้วกว่า ๓๐%
วันที่ ๑๔ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ ทาซซ์และสปุ๊ตนิกพร้อมใจกันรายงานว่า ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียเปิดเผยเป้าหมายการสู้ศึกยูเครนและอื่นๆคือ
๑.วัตถุประสงค์ของมอสโกว์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เป้าหมายที่วางไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ นั้น”จำเป็น”และแม้ว่ารายละเอียดบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ที่กำลังพัฒนา แต่ก็ยังคงเหมือนเดิมโดยพื้นฐาน
ปูตินกล่าวว่า การลดกำลังทหารของยูเครนกำลังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเป็นระบบ”โดยกองทหารของเคียฟในขณะนี้ต้องพึ่งพาอาวุธ อุปกรณ์และเครื่องกระสุนของตะวันตกทั้งหมด ไม่สามารถผลิตอะไรในประเทศได้ มีความคืบหน้าในการปกป้องผู้คนใน Donbass แม้ว่ายูเครนจะยังคงโจมตีพวกเขาต่อไป หากการโจมตีด้วยโดรนและการรุกรานของเคียฟยังคงดำเนินอยู่ มอสโกว์อาจพิจารณาจัดตั้ง”เขตกันชน”ในดินแดนของยูเครน เพื่อไม่ให้พวกมันอยู่ในระยะที่อันตราย “วันนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานใดๆ ในแง่ของเป้าหมายที่เราตั้งไว้เมื่อเริ่มต้นปฏิบัติการ”
๒.ความคืบหน้าของการโจมตีของยูเครน เคียฟเปิดฉากการรุกขนาดใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๔ มิถุนายนที่ผ่านมา โดยใช้กำลังทหารและยุทโธปกรณ์ที่ตะวันตกจัดหาให้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จในทุกภาคส่วน “พวกเขากำลังได้รับบาดเจ็บหนัก สาหัสกว่าของเราถึงสิบเท่า” ในแง่ของยุทโธปกรณ์ ยูเครนสูญเสียไปแล้วถึง ๓๐% ของสิ่งที่ตะวันตกจัดหาให้ รวมถึงรถถังที่มากกว่ารัสเซียถึงสามเท่า
๓.ทำไมรัสเซียถึงไม่เหมือนยูเครน “เราเป็นรัฐบาลแห่งกฎหมาย พวกเขาประพฤติตนเหมือนระบอบการปกครองที่อิงกับการก่อการร้าย” ปูตินตอบคำถามเกี่ยวกับการออกกฎอัยการศึก เพื่อจัดการกับการลอบสังหารนักข่าวและบุคคลสาธารณะ เช่น ดาเรีย ดูจินา และวลาดเลน ทาทาร์สกี หรือการโจมตีบล็อกเกอร์ ซาคาร์ ปริเลปิน (Zakhar Prilepin)
ปูตินย้ำว่ารัสเซีย“ไม่สามารถใช้วิธีก่อการร้ายได้”แต่จะเพิ่มงานด้านความมั่นคงเพื่อตอบโต้แผนการของเคียฟ แต่ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้กฎอัยการศึก สถานการณ์ยังอยู่ขั้นควบคุมและจัดการได้
๔. ประเด็นเรื่องการระดมพลอีก ปูตินกล่าวว่า จำเป็นต้องมีทหารมากขึ้นหากมีการตัดสินใจโถมกำลังอย่างหนักในเคียฟ แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ด้านกองกำลังรัสเซียนอกเหนือจากกองหนุน ๓๐๐,๐๐๐ คนที่เรียกตัวเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว มีผู้คนมากกว่า ๑๕๐,๐๐๐ คนได้ลงทะเบียนเพื่อทำสัญญาบริการ ในอัตรา ๙,๕๐๐ คนต่อสัปดาห์ ทหารเกณฑ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำได้เผชิญการสู้รบในเบลโกรอดเช่นกัน และปฏิบัติงานได้อย่างน่าชื่นชม
๕.เกี่ยวกับบทบาทของอุตสาหกรรมในความขัดแย้ง รัสเซียเริ่มยกเครื่องอุตสาหกรรมกลาโหมเมื่อ ๘ ปีก่อน แต่ความขัดแย้งทำให้เห็นข้อบกพร่องที่เหลืออย่างชัดเจน เช่น ความพร้อมของโดรน นับตั้งแต่เริ่มการสู้รบ อุตสาหกรรมของรัสเซียได้เพิ่มการผลิตถึงสิบเท่าสำหรับบางระบบ โดยบางบริษัทดำเนินการเป็นสามกะ ในขณะเดียวกัน ขีดความสามารถของยูเครนก็ถูกกำจัดไปเกือบทั้งหมดและต้องขึ้นอยู่กับตะวันตกทั้งหมด ชาติตะวันตกไม่สนใจว่าการส่งมอบอาวุธของพวกเขาจะละเมิดกฎหมายหรือไม่ และยังไม่ตระหนักว่าพวกเขาจะไม่มีทางบรรลุวัตถุประสงค์เมื่อส่งพวกมันมาถึงรัสเซีย “ฉันคิดว่าพวกเขาจะค่อย ๆเข้าใจและพบความจริงมากขึ้นในที่สุด”
ปูตินกล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันในสนามรบว่า “เคียฟล้มเหลวในทุกทิศทางในการตอบโต้ กองทัพยูเครนได้รับบาดเจ็บหนัก
ประธานาธิบดีกล่าวว่ากองทัพยูเครนกำลังโจมตีที่เส้นทาง Shakhtyorsk และ Vremevka “แต่ไปไม่ถึงแนวหน้า” โดยรวมแล้ว ยูเครนกำลังโจมตีจากสี่ทิศทาง
“นี่เป็นการใช้การต่อต้านขนาดใหญ่อย่างที่ฉันได้กล่าวต่อสาธารณะเมื่อเร็วๆนี้ว่า กองหนุนถูกเตรียมไว้สำหรับจุดประสงค์เหล่านี้ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ ๔ มิ.ย.ที่ผ่านมา และยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้”
“ตามการคำนวณของฉัน นี่คือประมาณ ๓๐% ของปริมาณอุปกรณ์ที่จัดส่งจากต่างประเทศ ซึ่งถูกทำลายก็ประมาณนี้ สำหรับฉันแล้ว ดูเหมือนว่าหากพวกเขาคำนวณอย่างเป็นกลาง พวกเขาจะเห็นด้วยกับตัวเลขนี้ แต่เท่าที่ฉันได้เห็นจาโอเพ่นซอร์ส แหล่งข่าวตะวันตก ฉันคิดว่าเกือบจะเป็นสิ่งที่พวกเขายอมรัล ดังนั้นการรุกกำลังดำเนินอยู่ และผลลัพธ์ในวันนี้ก็เป็นอย่างที่ฉันเพิ่งพูดไปตามนั้น”
ยูเครนสูญเสียรถถัง ๑๖๐ คันและรถหุ้มเกราะ ๓๖๐ คันในระหว่างการต่อต้าน ขณะที่เราเสียไป ๕๔ คัน บางคันสามารถกู้คืนและซ่อมแซมได้และนี่คือสิ่งที่มอสโกว์เห็นเท่านั้น ยังมีการสูญเสียที่เราไม่เห็น ซึ่งได้รับความเสียหายจากอาวุธระยะไกลที่มีความแม่นยำสูงในกลุ่มกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ดังนั้น อันที่จริง การสูญเสียในส่วนของยูเครนมีมากกว่าที่สรุป”
ประธานาธิบดีรัสเซียตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเคียฟนำเข้าอาวุธและอุปกรณ์ทั้งหมดจากต่างประเทศ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของยูเครนจะยุติลงโดยสมบูรณ์ในไม่ช้า เนื่องจากไม่สามารถทำการผลิตอะไรได้อีกเลย ปูตินเน้นย้ำว่า “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการลดกำลังทหารจึงอยู่ในมิติเชิงปฏิบัติที่กำลังเป็นไปเช่นนั้น”
สำหรับประเด็นเกี่ยวกับแผนการจัดหากระสุนยูเรเนียมเสื่อมให้แก่เคียฟของเมกาและพวก ปูตินกล่าวว่า “ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการล่วงหน้า เรามีกระสุนดังกล่าวจำนวนมากที่มียูเรเนียมเสื่อม ถ้าพวกเขาใช้เราก็ขอสงวนสิทธิ์ที่จะใช้กระสุนแบบเดียวกัน เรามีอยู่ในสต็อก เราแค่ไม่ใช้มัน”
ปูตินกล่าวเสริมว่าตะวันตกได้โละอาวุธทั้งหมดจากโกดังของตนเพื่อโอนไปยังยูเครน และเหลือเพียงสต็อกในเกาหลีใต้และอิสราเอลที่จะโอนมาจนหมดในไม่ช้าเช่นกัน
เขาตั้งข้อสังเกตว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปมีความแข็งแกร่ง แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะผลิตอาวุธในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย
คำถามเกี่ยวกับการทำลายเขื่อนพลังน้ำ Kakhovka HPP ประธานาธิบดีย้ำว่าฝ่ายยูเครนต้องโทษสำหรับโศกนาฏกรรมครั้งนี้
เขากล่าวว่า “เป็นที่ชัดเจนว่าใครควรถูกตำหนิ ฝ่ายยูเครนพยายามอย่างมากในเรื่องนี้มาตลอด คุณรู้ไหม ฉันจะไม่พูดสิ่งที่ไม่แน่ใจ ๑๐๐% เพราะโดยทั่วไปแล้วเราไม่ได้บันทึกการระเบิดครั้งใหญ่ ก่อนการทำลายล้างจะเกิดขึ้น อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ผมทราบ แต่พวกเขาจงใจโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย HIMARS ต่อเขื่อนKakhovka HPPบางทีพวกเขาอาจวางวัตถุระเบิดไว้ที่นั่นก็ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่ทราบ” ปูตินกล่าวว่าประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่ Kakhovka HPP จะได้รับความช่วยเหลือตามกฎหมายและมาตรฐานของรัสเซียอย่างเต็มที่!!