การโต้กลับที่รุนแรงมากของยูเครนได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเสียหายที่ไม่คุ้มค่า ช่วงนี้เคียฟกำลังโอ้อวดว่าตีหมู่บ้านคืนได้ ๔ แห่งแต่ไม่บอกว่าโดนตีกลับถูกบดขยี้ต้องถอยและตีกลับเข้าไปใหม่วนไปมาเสียหายทั้งคนและอาวุธไม่น้อย
แม้ว่าโดยภาพรวม รัสเซียยังเป็นฝ่ายเหนือกว่าทำลายการโต้กลับของยูเครนได้อย่างดี นักวิเคราะห์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความมั่นคงเตือนว่าเคียฟและผู้สนับสนุนนาโต้อาจยังมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างอื่นรออยู่
ระบอบการปกครองของเคียฟดูเหมือนจะเหยียดหยามกองกำลังคนของตัวเองและเครื่องจักรอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ส่งมาจากผู้สนับสนุนตะวันตก มุ่งหน้าไปเพื่อต่อต้านการป้องกันที่แข็งแกร่งของรัสเซียโดยไม่สนความเสียหายมหาศาล ทั้งหมดอาจไม่เป็นอย่างที่เห็น นักวิจารณ์การทหารวิเคราะห์ไว้หน้าสนใจ และสื่อรัสเซียได้นำมาเผยแพร่
หนึ่งสัปดาห์ในการตอบโต้ยูเครนและกองทัพเคียฟได้สูญเสียกำลังพลไปแล้วหลายากองพัน พร้อมด้วยรถถัง Leopard 2 ของเยอรมันที่ถูกโอ้อวดมากถึง ๑๕ คัน ยานเกราะต่อสู้ทหารราบ M2 Bradley (IFV) ๑๓ คันที่จัดหาโดยสหรัฐฯ และ AMX-5 ของฝรั่งเศส รถถังเบา RC ๑๐ คัน
วันที่ ๑๓ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่านักวิเคราะห์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความมั่นคง มาร์ก สเลโบดา (The international relations and security analyst Mark Sleboda) กล่าวว่า หัวหน้ากองทัพของยูเครนต้องโทษที่ส่งกองกำลังของตนไปในทุ่งสังหารแบบมืดบอด
สเลโบดากล่าวว่า “ขณะนี้ มีการสู้รบแทบทุกแนวปะทะระหว่างรัสเซียและยูเครน ยกเว้นพื้นที่เคอร์ซอน ซึ่งน้ำท่วมเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้การสู้รบเป็นไปไม่ได้”
เขากล่าวว่ารัฐบาลเคียฟกำลังส่งกองกำลังไปข้างหน้าด้วยขบวนอาวุธ ที่จัดหาโดย NATO และยานบันทุกบุคลากรติดอาวุธ (APCs) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรถถังและปืนใหญ่ รวมทั้งเครื่องยิงจรวด HIMARS ที่ผลิตในสหรัฐฯ
สเลโบดาเน้นย้ำ“การบุกของพวกเขากำลังยกระดับการป้องกันของรัสเซียที่ก่อตัวขึ้นในช่วงหลายเดือน” “การป้องกันมีถึงห้าชั้น สนามเพลาะ ป้อมปราการคอนกรีต ป้อมปืน บังเกอร์ สิ่งกีดขวางรถถัง เช่น ฟันมังกร ทุ่งระเบิดต่อต้านรถถัง”
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกองกำลังรัสเซียได้ “สร้างทุ่นระเบิดวงกต” ซึ่งก่อความเสียหายอย่างมากจากการโจมตียานรบทุกชนิดของยูเครน
“ฟังดูค่อนข้างโหด แต่ตอนนี้กลยุทธ์ที่รัฐบาลเคียฟใช้เทกำลังคนและอาวุธไปในการกวาดล้างทุ่นระเบิดนั้นทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างน่าสยดสยองค่อนข้างสูง”
เขากล่าวว่าแผนของยูเครนในตอนนี้ดูเหมือนจะมีพื้นฐานมาจาก”การใช้กองกำลังสำรองขนาดใหญ่มากซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรถถังต่อสู้หลักส่วนใหญ่ของฝั่งตะวันตก และพยายามใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น” “แต่ถึงกระนั้นก็ตาม การฝ่าด่านแนวรับเดียวและเผชิญหน้าอีกหลายแนว แต่ละด่านมีความสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับกว่าแนวอื่น ๆ กลายเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก”
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงเตือนว่าฝ่ายรัสเซียอย่าพึงพอใจกับผลตรงหน้า โดยเขาคาดว่าจะมี “เล่ห์เหลี่ยมมากกว่านี้” จากกองกำลังติดอาวุธยูเครนซ่อนอยู่
“เมื่อน้ำลดจากการทำลายเขื่อน Kakhovka ผมคาดว่าจะมีการโจมตีแบบหลายทาง ซึ่งรวมถึงการโจมตีแบบสะเทินน้ำสะเทินบกต่ออ่างเก็บน้ำ Kakhovka ตอนล่าง ต่อ Energodar และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporozhye” “แต่ฉันเข้าใจว่ารัสเซียก็น่าจะทันเกมรุกนี้และพร้อมที่จะปกป้องที่นั่นเช่นกัน”
สเลโบดาเน้นย้ำ“นาโต้ทำสงครามกับสิ่งนี้มาครึ่งปีแล้ว นี่เป็นการประกาศการรุกที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกของยุคนี้” “ผมคาดหวังว่าจะต้องมีลูกโค้ง มันไม่ง่ายที่จะเล่นแนวรับแบบโง่ๆต่อรัสเซียตรงๆ แบบนี้ มันต้องมีอะไรบางอย่างที่เรายังไม่เห็นมัน”
จะเป็นไปตามที่กูรูทางทหารท่านนี้หรือไม่คงต้องติดตามต่อไป ระหว่างการตอบโต้เคียฟที่กำลังดำเนินอยู่ กองทัพรัสเซียกำลังบดขยี้ศัตรูทั้งบนบกและในอากาศไม่หยุดหย่อน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพที่แสดงให้เห็นเฮลิคอปเตอร์ Ka-52 ทำลายยานเกราะของข้าศึกด้วยขีปนาวุธนำวิถีในทิศทาง Zaporozhye กลุ่มก่อการร้ายเคียฟที่ควบคุมยานพาหนะก็ถูกกำจัดเช่นกัน
เฮลิคอปเตอร์ Ka-2 เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘ Alligators ‘ จุดประสงค์หลักของพวกเขาในสนามรบคือการลาดตระเวน ระบุเป้าหมาย และประสานการโจมตีจากทางอากาศ เฮลิคอปเตอร์ได้รับการพัฒนาโดยสำนักออกแบบ Kamovโดยเป็นการดัดแปลงเครื่อง Ka-50 ที่รู้จักกันในชื่อBlack Sharks สำหรับอัลลิเกเตอร์ติดอาวุธด้วยเลเซอร์นำวิถีบางตัวออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตามล่าและทำลายยานเกราะของศัตรูรวมถึงรถถังด้วย
และนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของยานรบรัสเซียที่เหินฟ้าแนวต่ำคอยไล่ล่ารถถังและยานเกราะศัตรูประสานกับ Lancet โดรนกามิกาเซ่ตัวเด่นของรัสเซีย ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพผลงานเห็นชัดในการตอบโต้การรุกของเคียฟ-นาโต้ครั้งนี้!!
