จากที่กระทรวงการคลังแจกเงินเยียวยาโควิด-19 จำนวน 5000 บาท ซึ่งมีมีการจำกัดให้เฉพาะบางกลุ่มอาชีพ ขณะที่มีอีกหลายอาชีพไม่ได้ และก็ปรากฏข่าวการผูกคอตาย อย่างล่าสุดช่างก่อสร้าง เรื่องนี้อุตตมจะทำอย่างไร???
วันนี้(26 เม.ย.6) มีคนผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพักเลขที่ 154 ม.9 ต.โจดหนองแก อ.พล จังหวัดขอนแก่น ผูกคอด้วยเชือกไนล่อนสีแดงกับขื่อห้องน้ำ โดยร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ทราบชื่อต่อมาคือนาย พิฑูรย์ สีชา อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของนางอำพร โพธิ์ชา อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน
ทั้งนี้จากการสอบถาม นางอำพร มารดาของผู้เสียชีวิตทราบว่า ผู้ตายเป็นช่างก่อสร้าง ทำงานกับน้าชายซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ยึดอาชีพดังกล่าวนี้หาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด แต่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 น้าชายที่เคยรับเหมาก่อสร้างก็ไม่มีงานทำ ลูกชายจึงตกงานไปด้วย
“ลูกชายได้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาจากรัฐบาล 5,000 บาท และก็รอมาเรื่อยๆ กระทั่งเมื่อ 3-4วันที่ผ่านมา ลูกชายเงียบไม่พูดไม่คุย ไม่กินข้าว” นางอำพร กล่าว
ขณะพ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารย์ ผกก.สภ.พล กล่าวว่า จากการตรวจสอบภายในบ้านไม่มีร่องรอยการต่อสู้ การตรวจร่างกายของผู้เสียชีวิตก็ไม่พบบาดแผลการถูกทำร้าย ทางมารดาและญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต เพราะเชื่อว่า ผู้ตายอาจจะเกิดความเครียด เนื่องจากไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ จนคิดสั้น ผูกคอเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามหากย้อนไปวันที่ 12 เมษายน 2563 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยกรณีกระแสข่าว นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะดูแลช่วยเหลือกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบแต่ไม่ได้รับเงิน 5,000 บาทเพิ่มเติม เช่น แรงงานก่อสร้าง นักศึกษา ตนยังไม่กล้ายืนยันเรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้ยังต้องรอฟังนโยบายจากนายอุตตมว่าจะมีแนวทางเรื่องดังกล่าวอย่างไร
11 เมษายน 2563 นายอุตตม เปิดเผยว่า การเปิดลงทะเบียนรับเงินชดเชยรายได้ผู้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะนี้มีเกิน 24-25 ล้านคนแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อเร่งจ่ายเงินให้เร็วที่สุด โดยข่าวที่บอกว่าจะเยียวยาแค่ 9 ล้านคนนั้น เป็นแค่ตัวเลขประมาณการเท่านั้น แต่หากมีผู้ได้รับผลกระทบเยอะกว่านั้นรัฐบาลก็พร้อมช่วยเหลือทุกกลุ่มตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี
“รวมถึงกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบแต่ไม่ได้รับเงิน 5,000 บาท เช่น แรงงานก่อสร้าง นักศึกษา รัฐบาลก็กำลังหาทางช่วยเหลือ คนที่ไม่ผ่านตรวจสอบมีหลายล้านคนที่ได้รับสิทธิในระบบประกันสังคมอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มที่ได้รับมาตรการช่วยเหลืออื่นๆอยู่ก็ขอให้ใช้สิทธินั้นไป เช่น กลุ่มประกันสังคมตาม ม. 33 ส่วนคนที่ขายของในตลาดเดียวกันแต่ได้รับเงินไม่พร้อมกัน อาจเป็นเพราะมีข้อมูลบางอย่างที่ต่างกัน ซึ่งรัฐบาลพยายามตรวจให้เสร็จเร็วที่สุด”
