เย้ยตะวันตก!! คิม จองอึนลั่นมอสโกว์มีชัยเหนือนาโต้ ขณะรัสเซีย-จีนจับตาดูญี่ปุ่นป่วนเกาหลีเหนือต้านปักกิ่ง

0

๑๒ มิถุนายนของทุกปี ถือเป็นว่าก่อตั้งสหพันธรัฐรัสเซีย จึงเรียกกันว่าเป็นวัน ‘รัสเซีย’ ตามธรรมเนียมแล้ว ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียจะแสดงความยินดีกับผู้ชนะรางวัลระดับรัฐประจำปี ๒๕๖๕ ที่เครมลินเป็นการส่วนตัว

รางวัลสหพันธรัฐรัสเซียมอบให้เป็นประจำทุกปีในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วรรณกรรมและศิลปะ ตลอดจนความสำเร็จที่โดดเด่นในด้านมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน และการกุศล พิธีในเครมลิน ปูตินจะมอบเหรียญทองให้กับผู้ที่ได้รับสถานะฮีโร่ของแรงงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซียเป็นการส่วนตัวด้วย

ในโอกาสนี้พันธมิตรที่ประกาศจุดยืนชัดว่ายืนข้างรัสเซียมาตลอดอย่างคิม จองอึนแห่งเกาหลีเหนือได้อวยพรให้รัสเซียประสบชัยชนะต่อมหาอำนาจเดี่ยวแองโกลแซกซอนที่นำโดยสหรัฐฯ นอกจากคิมแล้วยังมีมิตรประเทศในเอเชียกลางอีกหลายประเทศส่งคำอวยพรมายังปูตินด้วย

วันที่ ๑๒ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวเกาหลีเหนือแสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวรัสเซียที่กำลังปกป้องอำนาจอธิปไตยและอนาคตของพวกเขา และขอให้พวกเขาเจริญรุ่งเรืองและชัยชนะ ตามเทเลแกรมที่คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือส่งถึงประธานาธิบดี ปูตินของรัสเซียเนื่องในโอกาส ‘วันรัสเซีย’

Kim Jong Un กล่าวว่า “ปัจจุบัน การต่อสู้ของชาวรัสเซียต่อภัยคุกคามและความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากกองกำลังศัตรูซึ่งพยายามบ่อนทำลายอธิปไตย ความมั่นคง และชีวิตที่สงบสุขของประเทศ กำลังผ่านช่วงสำคัญครั้งใหม่” สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) อ้างคำพูดของเขาเพิ่มเติมว่า ประชาชนชาวเกาหลีเหนือสนับสนุนอย่างเต็มที่และเป็นหนึ่งเดียวกับรัสเซียในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ

ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวย้ำว่า“ความยุติธรรมจะมีชัยเหนือเสมอ และชาวรัสเซียจะยังคงเชิดชูประวัติศาสตร์แห่งชัยชนะต่อไป”

นอกจากนี้ เขายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่ามิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศได้กลายเป็น “ทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์อันมีค่า” เขาระบุว่า พร้อมที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนบ้านและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างเปียงยางและมอสโกว์ต่อไป

โดยสรุปแล้ว เขาอวยพรให้ปูตินมีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำงาน ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองเป็นนิรันดร์ ในการพัฒนา และนำชัยชนะแก่ประชาชนชาวรัสเซีย

สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีก็กำลังระอุคุกรุ่น ด้วยท่าที่แข็งกร้าวของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่มีสหรัฐฯหนุนหลัง

กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้ประกาศการขยายเวลาอย่างไม่มีกำหนดของคำสั่งให้ติดตามและทำลายจรวด ขีปนาวุธ หรือเศษซากใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อดินแดนของประเทศ หลังจากเกาหลีเหนือให้คำมั่นว่าจะพยายามส่งดาวเทียมทางทหารอีกครั้ง

กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า “เกี่ยวกับคำสั่งการนำมาตรการทำลายขีปนาวุธที่ออกเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๐๒๓ เราจะขยายออกไปชั่วคราวหลังจากวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๐๒๓” โตเกียวออกคำสั่งยิงครั้งแรกเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม หลังจากเปียงยางเตือนหน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นถึงความตั้งใจที่จะส่งดาวเทียมทางทหารขึ้นสู่วงโคจร กองทัพญี่ปุ่นยังคงติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออตที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ไปยังเกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ ขณะที่เรือพิฆาตเอจิสของญี่ปุ่นซึ่งติดอาวุธด้วยเครื่องสกัดกั้น SM-3 ถูกส่งไปลาดตระเวนในทะเลจีนตะวันออก

เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม เกาหลีเหนือยืนยันว่าจรวดที่บรรทุกดาวเทียมทางทหาร Malligyong-1 ตกในทะเลเหลือง หลังจากที่เครื่องยนต์ขั้นที่ ๒ ไม่สามารถจุดระเบิดได้เนื่องจาก “การทำงานผิดพลาด”

ภายหลังที่การส่งดาวเทียมทหารไม่ประสบผลสำเร็จ คิม โยจอง น้องสาวผู้มีอิทธิพลของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เธอ“มั่นใจว่าดาวเทียมสอดแนมทางทหารของเกาหลีเหนือจะถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรในอวกาศอย่างถูกต้องในอนาคตอันใกล้นี้ และเริ่มภารกิจได้”

รัสเซียและจีนปฏิเสธที่จะตำหนิเปียงยางแม้สหรัฐฯผลักดันให้สหประชาชาติประณาม รัสเซียและจีนถือว่ามีข้อกังวลด้านความปลอดภัยของประเทศซึ่งเป็นสิ่งถูกต้องอยู่เบื้องหลังการกระทำของเกาหลีเหนือ ไม่ได้คุกคามใคร

จีนและรัสเซียเป็นประเทศที่มีขนาดกว้างใหญ่ และมหาอำนาจทั้งสองขัดแย้งกับสหรัฐฯ และผู้รับมอบฉันทะในเวทีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยูเครนในยุโรปหรือไต้หวันในทะเลจีนใต้ พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือมีตำแหน่งที่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากเป็นภูมิภาคเดียวที่จีนและรัสเซียมีพรมแดนร่วมกับญี่ปุ่น ในขณะที่โตเกียวผลักดันตัวเองไปสู่การกลับคืนสู่สภาพเดิมที่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา โตเกียวก็กลายเป็นศัตรูของทั้งมอสโกว์และปักกิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ที่นี่ มหาอำนาจทั้งสองกำลังทำงานร่วมกันเพื่อต่อต้านตัวแทนผลประโยชน์สหรัฐที่ฟื้นคืนชีพรายนี้

การวางแนวทางของจีนและรัสเซียในที่นี้ เป็นการจัดการที่สมดุลแห่งอำนาจ บุคคลที่สามที่ทั้งสองประเทศอาจมองว่าเป็น ‘มิตร’ ในภูมิภาคนี้คือเกาหลีเหนือ ซึ่งรื้อฟื้นความทรงจำของยุคสงครามเย็นที่หายไปนาน แม้ว่าโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเปียงยาง จะยกระดับความไม่เสถียรของภูมิภาค ทำให้ญี่ปุ่นมีอาวุธ และติดอาวุธครบมือเข้าคู่กับกองทัพสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นในภาคใต้ แต่มูลค่าทางภูมิศาสตร์ทำให้เป็นน้ำหนักถ่วงทางทหารที่สำคัญ ในสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ใหม่นี้  ทั้งสองประเทศไม่ปฏิบัติตามโครงการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐฯ ต่อเกาหลีเหนือหรือยอมให้มีการควบคุม การเผชิญหน้ากับวอชิงตันที่นี่ เห็นได้ชัดว่าญี่ปุ่นกลายเป็นปัญหาหลักทางทหารในระยะยาว ภูมิภาคนี้จะเป็นภูมิภาคที่มีความผันผวนและตึงเครียดมาก ดังนั้น ความร่วมมือทางทหารระหว่างจีนกับรัสเซียจึงมีความสำคัญยิ่งต่อการตรวจสอบการผจญภัยและโฉมหน้าใหม่ของญี่ปุ่น การแข่งขันด้านอาวุธที่ตามมานั้น หมายถึงความมั่นคงในภูมิภาคจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างตึงเครียดและเปราะบางมากขึ้น!!??