ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียได้ยืนยันถึงการโจมตีตอบโต้ของยูเครน ซึ่งวันนี้เซเลนสกี้ก็ออกมายอมรับเสียงอ่อยว่า เริ่มแล้วจริง ปูตินตั้งข้อสังเกตว่าระบอบการปกครองของเคียฟใช้กำลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของตน แต่การรุกไม่ประสบผลสำเร็จเนื่องจากความกล้าหาญทหารรัสเซีย
สื่อตะวันตกเองก็วิจารณ์ไม่น้อยว่าคำแนะนำทางทหารสำคัญที่สุดของกองบัญชาการใหญ่ฝ่ายยูเครนนั้นมาจากพวกนายทหารชาวอังกฤษซึ่งฝังตัวอยู่ที่กองบัญชาการในกรุงเคียฟ และการรุกเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ล้มเหลวอย่างปิดไม่มิด
การมีกำลังพลน้อยกว่าเดิม แม้ระดมจากนาโต้ มีอาวุธไม่มากเพราะถูกรัสเซียโหมทำลายก่อนหน้านี้นับสัปดาห์ ความจริงยูเครนน่าจะหันมาใช้ยุทธวิธีรวมศูนย์กำลัง เนื่องจากจนถึงตอนนี้มีกองพลน้อยที่ผ่านการฝึกจากฝ่ายตะวันตกเพียงแค่ ๓ เดือนและเป็นเป็นไปได้ว่าอาจจะถึง ๔ กองพลน้อยกำลังถูกใช้งานอยู่ในซาโปริซเซีย แต่นั่นจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาศัยการตัดสินใจทางทหารแบบมีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่การตัดสินใจที่มีแรงจูงใจจากความสิ้นคิดในทางการเมืองของผู้นำ ผลเลยออกประจานกันจะจะว่าพ่ายแพ้ยับเยิน
วันที่ ๑๒ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า กลาโหมรัสเซียสรุปผลการปฏิบัติงานล่าสุดว่า ความพยายามทั้งหมดในการรุกคืบของกองกำลังเคียฟนั้นไร้ผล
พลโท อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า ในรอบ ๒๔ ชั่วโมงกองทัพรัสเซียได้ทำลายรถถังของยูเครนไปแล้ว ๙ คัน รวมถึง Leopard 2 ที่ผลิตในเยอรมัน ๔ คัน ประสบความสำเร็จในการขับไล่กองกำลังของเคียฟที่พยายามรุกคืบ
ยูเครน“ยังคงพยายามอย่างไร้ผลในปฏิบัติการรุก”ในเขต Zaporozhye ของรัสเซีย ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และใกล้กับเมือง Artyomovsk หรือที่เรียกว่า Bakhmut
ในเขต Zaporozhye กองทหารภาคพื้นดิน ปืนใหญ่ และการบินของรัสเซียได้ขับไล่การโจมตี ๒ ครั้งโดยหน่วยยูเครนขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากรถถังในพื้นที่หมู่บ้าน Yablonevo และ Novopokrovka
ขบวนรถหุ้มเกราะ๒ ขบวนของเคียฟถูกโจมตีใกล้กับที่ตั้งถิ่นฐานของโนโวดานิลอฟกาและมลายู ต็อกมาชกา นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีของยูเครนขนาดเล็กอีก ๓ ครั้งในภูมิภาคนี้ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
โคนาเชนคอฟชี้ว่า นอกจากรถถังต.ต. ๙ คันแล้ว กองกำลังเคียฟยังสูญเสียจำนวนรถเกราะบรรทุกบุคลากร ๑๑ คัน รวมถึงรถต่อสู้แบรดลีย์ ๕ คันที่สหรัฐฯ จัดหาให้ รถหุ้มเกราะ ๑๔ คัน และปืนครกที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของซีซาร์ที่ผลิตในฝรั่งเศส
โฆษกกระทรวงฯ ระบุความสูญเสียของกองทัพยูเครนในแง่ของกำลังพลระหว่างการสู้รบครั้งใหม่ในเขตซาโปโรซีว่า
การโจมตี ๕ ครั้งถูกขับไล่ใกล้กับเมือง Artymovsk ซึ่งกองกำลังรัสเซียยึดได้จากยูเครนในเดือนพฤษภาคม หลังจากการสู้รบอย่างหนักหลายเดือน ความสูญเสียของเคียฟในพื้นที่นี้ในช่วง ๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมถึงบุคลากรมากถึง ๒๓๐ คน รถหุ้มเกราะ ๕ คัน และปืนครก D-30 ที่ผลิตในโซเวียต ๒ กระบอก
ในพื้นที่ Krasny Liman ทหารของเคียฟดับ ๖๐ นาย ในพื้นที่เมืองที่ยูเครนยึดครองในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ APC และปืนครกหลายกระบอก รวมทั้งปืนอัตตาจร Krab ที่ผลิตในโปแลนด์ก็ถูกทำลายเช่นกัน
วันนี้สำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศสรายงานว่า หน่วยทหารของยูเครนสูญเสียยานเกราะต่อสู้แบรดลีย์ (BFV) ที่ผลิตในสหรัฐฯส่วนใหญ่ระหว่างการรุกในเมืองซาโปริชเชีย ยานต่อสู้ถูกกำจัดใกล้กับเมือง Orekhovo
สำนักข่าวกล่าวว่า “จากยานพาหนะ ๙ คันที่ติดอยู่กับหน่วยทหารราบยานยนต์ของกลุ่ม ๖ คันพังยับเยิน ๓ คันได้รับความเสียหายแต่สามารถซ่อมแซมได้ และอีกคันไม่ได้ถูกโจมตี” เมื่อตอบคำถามของหน่วยงานเกี่ยวกับผลของการรุก ทหารยูเครนคนหนึ่งยอมรับว่าไม่มีความคืบหน้าอย่างจริงจัง
ด้านสหรัฐฯ มีการเผยแพร่จากสื่อโปลิติโก(Politico)ของสหรัฐฯ พูดถึงการสนับสนุนทางทหารในอนาคตของวอชิงตันสำหรับยูเครนและชื่อเสียงของประธานาธิบดีโจ ไบเดนขึ้นอยู่กับผลของการตอบโต้ของเคียฟต่อกองกำลังรัสเซีย
ทำเนียบขาวกำลัง “เฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อและเคร่งเครียด”หากการตอบโต้สำเร็จ ยูเครนจะสามารถพึ่งพาความช่วยเหลือทางทหารและเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ และพันธมิตร แต่ถ้าล้มเหลว การสนับสนุนจากตะวันตกอาจเหือดแห้งไป
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ๕ คนซึ่งพูดคุยกับ Politico โดยขอไม่เปิดเผยชื่อ ยอมรับว่าพวกเขาไม่แน่ใจว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะลงคะแนนเสียงให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลของปธน.Zelensky หรือไม่ เมื่อเงินทุนที่ได้รับอนุมัติเมื่อปีที่แล้วหมดลง สมาชิกพรรครีพับลิกันอาจขัดขวางความพยายามของพรรคเดโมแครตในการส่งเสริมความช่วยเหลือทางทหารแก่กองทัพยูเครน (AFU) พวกเขาชี้ให้เห็น วอชิงตันไม่พอใจมากขึ้นเกี่ยวกับการโจมตีของยูเครนในรัสเซีย เช่น ใช้โดรนพยายามโจมตีเครมลินเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม และการลอบสังหารบล็อกเกอร์ทหาร Vladlen Tatarsky และนักข่าว Darya Dugina การเคลื่อนไหวดังกล่าวของเคียฟได้นำไปสู่“การตักเตือนส่วนตัวและเข้มงวดหลายครั้งในช่องทางลับทางการทูต” อาการซิ่งหนีของเมกาจะเห็นเป็นระยะในสื่อตะวันตกช่วงนี้