พจนาทิศทางไทย ตอนที่ ๒ การปฏิวัติเอไอกับวิกฤตอิคิงัย(ความหมายแห่งการมีชีวิต) ของมนุษย์

0

พจนา ‘ทิศทางไทย’ ตอนที่ ๒ การปฏิวัติเอไอกับวิกฤตอิคิงัย(ความหมายแห่งการมีชีวิต) ของมนุษย์

  โดย : ดร.สุวินัย ภรณวลัย  ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ  สถาบันทิศทางไทย

 

อีก​ 30​  ปีข้างหน้าหรือในปี​ 2050 จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า​ Singularity ทางเทคโนโลยี​ คือจุดที่พลังสมองของปัญญาประดิษฐ์รวมกันทั้งหมดจะฉลาดกว่าสมองของมนุษย์ทั้งหมดบนโลกรวมกัน​ กล่าวคือ เมื่อ​ปัญญาประดิษฐ์ได้พัฒนาด้วยตัวมันเองไปเรื่อย​แบบนี้ สุดท้ายมันจะพัฒนาไปอย่าง​ก้าว​กระโดด​จนมนุษย์ตามไม่ทัน​ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นราว ๆ ปี​  2050

 

ถ้าถึงจุดนั้นจะเข้าสู่​ยุคสิ้นสุดของเซเปียนส์ หรือมนุษย์​แบบเดิมที่เคยเป็นมา ที่แน่ ๆ​ความเป็นอยู่ของมนุษย์จะต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

 

เมื่อถึงปี​ 2050​ คณะกรรมการผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทยส่วนใหญ่คงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว​ ดังนั้นพวกเราจึงต้องเตรียมการทางความคิดและเครือข่ายตั้งแต่บัดนี้​ เพื่อความอยู่รอดของสังคมไทยและคนไทยในอนาคตที่เป็นคนรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเรา

 

******************************

(สอง)​  การปฏิวัติเอไอกับวิกฤตอิคิงัย(ความหมายแห่งการมีชีวิต)​ ของมนุษย์

 

มนุษย์มีความสามารถ​ 2  แบบ​คือ ความสามารถทางกายภาพ​กับความสามารถทางความนึกคิด ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม​  เครื่องจักรแข่งขันกับมนุษย์ในเรื่องความสามารถทางกายภาพและเอาชนะได้เป็นผลสำเร็จอย่างเด็ดขาด​แต่มนุษย์ก็ยังได้เปรียบเหนือเครื่องจักรในแง่ความนึกคิดอยู่ดี

 

แต่ในยุคการปฏิวัติเอไอ(Artificial Intelligence)​อย่างในยุคปัจจุบัน​เอไอเริ่มมีทักษะที่ก้าวล้ำกว่ามนุษย์มากขึ้นและมากขึ้นทุกที​ผ่าน​ Machine Learning

 

ผมจะขอยกตัวอย่างเร็วๆนี้เรื่องอานุภาพของ Machine​ Learning ของเอไอ

 

เรื่องแรก​ โปรแกรม​ AlphaZero ของกูเกิลสามารถเอาชนะโปรแกรม​ Stockfish 8 ที่เป็นคอมพิวเตอร์แชมเปี้ยนหมากรุกโลกในปี​ 2016  ได้  โปรแกรม​ Stockfish​ 8 เข้าถึงบันทึกประวัติการเล่นหมากรุกของมนุษย์ที่เคยมีบันทึกไว้นานหลายศตวรรษ​และสามารถคำนวณตาเดินหมากรุกได้ราว ๆ​ 70  ล้านตาต่อวินาที ขณะที่​ AlphaZero​ คำนวณได้แค่ 80,000 ตาเดินต่อวินาทีเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้  AlphaZero สามารถเอาชนะ​ Stockfish​ 8​ ในเกมหมากรุกได้​(ชนะ​ 22​ เกม​ เสมอ​ 72​เกม​ โดยไม่แพ้เลยแม้แต่เกมเดียว) เพราะ AlphaZero ไม่ได้เรียนรู้จากมนุษย์​ แต่มันใช้หลัก Machine​ ​Learning มาสอนการเดินหมากรุกให้ตัวเอง​โดยใช้เวลาในการเรียนรู้แค่​สี่ชั่วโมงเท่านั้น​ในการเรียนรู้หมากรุกจากไม่รู้อะไรเลย​จนกลายเป็นเทพเจ้าแห่งหมากรุกได้

 

เรื่องที่สอง​ ชัยชนะของโปรแกรม AlphaGo ต่อแชมป์โลกหมากล้อม AlphaGo เป็นเอไอที่เป็นหนึ่งในโปรเจ็ค​ Deep Mind ของกูเกิล​นี่เป็นเอไอที่เรียนรู้ได้เองจากประสบการณ์ของตน 100 เกมส์แรกที่เอไอนี้เริ่มหัดเล่นหมากล้อม​มันเดินหมากเหมือนมือใหม่หัดเล่น ผ่านไป​ 500 เกมส์​มันเดินหมากเหมือนคนเล่นหมากล้อมที่เชี่ยวชาญแล้ว ผ่านไป​ 1000 เกมส์​มันเดินหมากแบบหัตถ์เทวะ​หรือเทพเจ้าหมากล้อม

 

ความสามารถในการเรียนรู้ของเอไอแบบนี้ต่างหากที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก คนทั่วโลกไม่ได้ตกตะลึงที่เอไอเล่นหมากล้อมเก่งกว่ามนุษย์​แต่คนทั่วโลกตกตะลึงที่เอไอมีความสามารถในการเรียนรู้ได้ด้วยความรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อจากประสบการณ์ของตัวเอไอต่างหาก

 

ความสามารถของเอไออย่างก้าวกระโดดที่รุดหน้าไปสู่ Singularity  ในปี​ 2050​ ต่างหากคือ​ตัวตนที่แท้จริง​ของ​ “3​ ดิสรับชัน” ที่กำลังเกิดขึ้นไล่เลี่ยกันในขณะนี้​และจะดำเนินไปอีกสามสิบปีหลังจากนี้คือ

 

(1) ดิสรับชันทางเศรษฐกิจ​ (Machine​ Learning​ และระบบอัตโนมัติเข้ามาแทนที่อุตสาหกรรมแทบทุกอย่าง)

 

(2) ดิสรับชันทางสังคม​ (เกิดจำนวนคนไร้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจำนวนมากที่​ไร้ทั้งงาน, ไร้ทั้งทักษะที่เหมาะสมกับยุคสมัย​และไร้ทั้งความเข้มแข็งทางจิตใจหรือป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเกินกว่าจะทนอยู่ในโลกอย่างนี้)

 

(3) ดิสรับชันทางการเมือง​ (การล่มสลายของเรื่องเล่าเสรีนิยมกับการก่อตัวของลัทธิอนาธิปไตยรูปแบบต่างๆรวมทั้งขบวนการก่อการร้ายทุกประเภท)

 

สังคมไทยจะรับมือกับ​ ” 3​ ดิสรับชัน” ที่กำลังเกิดขึ้น​และนับวันรอการระเบิดออกมาอย่างไรดี

 

ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความหมายของการมีชีวิตอยู่(อิคิงัย)​ของคนเราจะอยู่ที่ใด​หลังจากนี้​จนถึงสามสิบปีข้างหน้า​รวมทั้งยุคหลัง​ซิงกูลาริตี​ ?

 

แต่ที่แน่ ๆ​เรื่องเล่าเสรีนิยม​(ทั้งกลายพันธุ์และไม่กลายพันธุ์)​ ไม่ใช่คำตอบของสังคมไทยในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน

 

ถ้าหากสังคมไทยล้มเหลวในการรับมือกับ​ 3​ ดิสรับชัน​นี้​ การเป็นรัฐล้มเหลว​และความวุ่นวายระดับกลียุค​รวมทั้งอนาธิปไตยจะเกิดขึ้นกับสังคมไทยอย่างแน่นอน

 

สถาบันทิศทางไทยของพวกเราถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อรับมือกับ​  3​ ดิสรับชัน​นี้โดยเฉพาะก็ว่าได้​  ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย