ท่ามกลางการสู้รบที่ดุเดือดในสนามรบยูเครน ฝั่งเอเชีย-แปซิฟิคก็ไม่ได้เงียบสงบอย่างที่พึงเป็น เมื่อสหรัฐฯได้ชักนำประเทศสมาชิกนาโต้ เข้ามาเคลื่อนไหวหนักในย่านนี้ ประสานกับกลุ่มพันธมิตรกองหน้าผลประโยชน์ร่วมกับเมกาอย่างกลุ่มควอดที่มีญี่ปุ่นเป็นแกนนำ วันนี้เปิดหน้าชัดอีกรายคือเกาหลีใต้อ้างต่อต้านอิทธิพลจีนและเกาหลีเหนือ
ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น จะต้องมีสหรัฐฯเป็นผู้จุดพลุและให้การสนับสนุน ประหนึ่งเป็นตัวแทนผลประโยชน์วอชิงตันอย่างออกนอกหน้าพุ่งเป้าต้านจีน แต่ยังไม่เปิดหน้าว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามรัสเซียแม้จะเข้าร่วมการคว่าบาตรกับตะวันตกก็ตาม เพราะยังมี การติดต่อซื้อขายด้านพลังงานอยู่ ตรงข้ามกับสหรัฐฯ-นาโต้และสหภาพยุโรป ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์จะอ้างอิง ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นว่าเป็นหนึ่งเดียวกับฝ่ายแองโกลแซกซอนแน่นแฟ้นแค่ไหนหลังผู้นำประเทศไปเข้าพบไบเดน ซึ่งแน่นอนทางยุทธศาสตร์เปิดหน้าชัดคือ ต่อต้านรัสเซีย-จีนอย่างถึงที่สุด แต่ในทางยุทธวิธีก็เปลี่ยนหน้าเล่นตามเนื้องานทั้งด้านเศรษฐกิจ การทูตและการทหาร
วันที่ ๘ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์รายงานว่า ลี จงซอบ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้(Korean Defence Minister Lee Jong-sup) โต้บิ๊กอียูเดือดว่า ไม่เคยหารือใดๆ ในเรื่องการส่งมอบกระสุนและอาวุธแก่ยูเครน กับโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ตามคำกล่าวอ้างของฝ่ายหลัง ระบุชัดมันเป็นจุดยืนแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เป็นคำชี้แจงอย่างเป็นทางการของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้
ถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ อ้างถึงข้อความบนทวิตเตอร์ของบอร์เรล ซึ่งเวลานี้ถูกลบไปแล้ว โดยหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียูเขียนว่า เขามีการพบปะพูดคุยที่ดีกับอี รมว.กลาโหมเกาหลีใต้รอบนอกการประชุมซัมมิตด้านความมั่นคง Shangri-La Dialogue ในสิงคโปร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ้ข้อความของบอรเรลล์ระบุว่า “มีความกังวลร่วมกันต่อการที่เกาหลีเหนือยังคงยั่วยุไม่หยุดและมีการหารือเกี่ยวกับความต้องการกระสุนของยูเครน”
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ปฏิเสธคำแถลงดังกล่าว โดยอ้างว่ามันไม่เป็นความจริงที่ อี และ บอร์เรล ได้มีการหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนด้านกระสุนแก่เคียฟ พร้อมระบุต่อว่า ทูตอียูรายนี้ “ได้พาดพิงเกี่ยวกับระบบอาวุธต่างๆ และหนทางสนับสนุนอื่นๆ ที่มีความจำเป็นสำหรับแก้ไขสถานการณ์ของยูเครนที่กำลังสู้รบกับรัสเซีย ทว่ามันเป็นจุดยืนแต่เพียงฝ่ายเดียวที่ว่ากระสุนมีความสำคัญ”
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี ยุน ซุกยอลแห่งเกาหลีใต้ ส่งสัญญาณว่าโซลอาจเปลี่ยนจุดยืนในประเด็นดังกล่าว หากว่ามีการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อกฎหมายว่าด้วยสงคราม (laws of war) เกิดขึ้นในยูเครน
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างว่าเกาหลีใต้มี “ข้อตกลงลับ” กับสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่าโซลตกลงจัดหากระสุนปืนใหญ่หลายแสนลูกให้ยูเครน ซึ่งในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่โซลออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าวว่ามันมีเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องบางส่วน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ประเมินแล้วน่าจะเป็นการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับผู้นำเกาหลีใต้ เพราะมีความคืบหน้าถึงขนาดเกาหลีใต้ประกาศจะมีฐานทัพนิวเคลียร์โดยสหรัฐฯสนับสนุน
แต่เป็นอาการไม่อยากเปิดศึกสองด้านอย่างเปิดเผย หันมาเน้นทางเอเชียในฐานะแนวร่วมนาโต้๒ จับมือญี่ปุ่นเป็นแกนหลักนายหน้าวอชิงตันในย่านนี้
ในขณะที่เกาหลีใต้ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่จริงไม่เคยบอกว่าจะส่งอาวุธให้ยูเครน รัสเซียและจีนไม่รอช้าผงาดเหนือน่านฟ้าเอเชีย-แปซิฟิคแบบดูน่าจะยาว เมื่อสหรัฐและนาโต้พากันดาหน้ามารุมจีนแถวนี้
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ได้ยื่นประท้วงอย่าง “เข้มงวด” กับปักกิ่งและมอสโกว์ทันที หลังจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของจีนและรัสเซียเข้ามาในเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศของประเทศโดยไม่แจ้งให้ทราบในระหว่างที่กระทรวงกลาโหมของจีนระบุว่าเป็นการฝึกลาดตระเวนร่วมกัน
เครื่องบินรบของเกาหลีใต้ถูกรบกวนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการตอบโต้การเข้ามาของเครื่องบินทหารจีน ๔ ลำและรัสเซีย ๔ ลำซึ่งแม้จะไม่ได้ละเมิดน่านฟ้าของประเทศ แต่ได้เข้าสู่เขตระบุการป้องกันภัยทางอากาศของเกาหลีใต้ (KADIZ)ด้วย
กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้กล่าวเมื่อวันพุธว่าได้ยื่นประท้วงกับสถานทูตจีนและรัสเซียในกรุงโซลและแสดงความเสียใจที่เครื่องบินทหารของพวกเขาบินเข้าใกล้ “พื้นที่อ่อนไหวใกล้กับน่านฟ้าของเรา เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ “ใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เที่ยวบินดังกล่าวอาจทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาค”
ญี่ปุ่นยังกล่าวอีกว่าได้ส่งสัญญาณรบกวนเครื่องบินรบทั้งกลุ่มในวันอังคารเพื่อตอบโต้เครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซียสองลำที่บินร่วมกับเครื่องบินทิ้งระเบิดของจีนสองลำเหนือทะเลญี่ปุ่นและบินไปด้วยกันไกลถึงทะเลจีนตะวันออก ซึ่งขณะนั้นมีเครื่องบินรบจีนอีกสองลำตามมาสมทบด้วย
กระทรวงกลาโหมของจีนกล่าวว่า การลาดตระเวนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแผนความร่วมมือระหว่างปักกิ่งและมอสโกว์ และเป็นการซ้อมรบดังกล่าวครั้งที่ ๖นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๒
การลาดตระเวนร่วมกันของปักกิ่งและมอสโกว์เป็นส่วนหนึ่งของการขยายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองในสิ่งที่เรียกว่าการเป็นหุ้นส่วนแบบ “ไม่มีขีดจำกัด”
ในการลาดตระเวนครั้งนี้ เครื่องบินรบ กองทัพอากาศรัสเซีย ส่งSu-30SM และ Su-35S ด้านจีนส่งเครื่องบินรบ Jian-11B ให้การสนับสนุนกลุ่มทางอากาศตลอดเส้นทางการบิน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า กองกำลังเฉพาะกิจทางอากาศของเครื่องบินบรรทุกขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ Tu-95MS ของรัสเซีย และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Hong-6K ของจีน ทำการลาดตระเวนทางอากาศร่วมกันเหนือน่านน้ำของทะเลญี่ปุ่น ทะเลจีนตะวันออก และแปซิฟิกตะวันตก
ซ่ง จงผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและผู้บรรยายรายการโทรทัศน์ของจีน กล่าวกับ Global Times เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า การลาดตระเวณเหนือพื้นที่ทั้งสองช่วงอาจมีภารกิจที่แตกต่างกัน วัตถุประสงค์ของภารกิจในทะเลญี่ปุ่นและทะเลจีนตะวันออกมีแนวโน้มแตกต่างจากเป้าหมายในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ซ่งกล่าว
การลาดตระเวนที่ขยายออกไปแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือทางทหารที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างจีนและรัสเซีย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก