มาแล้วตัวตึงฝ่ายรัสเซีย เมดเวเดฟออกมาทำนายว่า Zelensky อาจถูกสังหารโดย ‘ปรมาจารย์’ ของเขาเอง เนื่องจากความผิดหวังของตะวันตกต่อผู้มีอำนาจในเคียฟที่ล้มเหลวในการศึกกับรัสเซีย อาจทำให้ผู้นำยูเครนต้องเสียชีวิตเพื่อมหาอำนาจเดี่ยวแองโกลแซกซอนบรรลุเป้าหมายเปิดสงครามรีเซ็ท ที่ต้องการครองโลกต่อไป ด้วยการระดมพลก่อสงครามใหญ่ล้างหนี้ ล้างคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีน
วันที่ ๘ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวในโพสต์เทเลแกรมส่วนตัวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “ยูเครนกำลังถูกบีบให้ดำเนินการต่อต้านกองทัพรัสเซียอย่างสุดโต่ง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับอาวุธและเงินที่ได้รับจากตะวันตก”
เขาระบุว่า หากเคียฟไม่แสดงผลตอบแทนจากการลงทุนให้ “เจ้านาย” ของตนเห็น ความผิดหวังของตะวันตกที่มีต่อรัฐบาลยูเครนอาจทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงต้องประสบความสูญเสีย ไม่เพียงแต่งานของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตของพวกเขาด้วย
เขาย้ำว่า “ข้าศึกได้ให้คำมั่นไว้นานแล้วว่าจะตอบโต้อย่างยิ่งใหญ่ และดูเหมือนว่ามีบางอย่างเริ่มขึ้นแล้ว”เมดเวเดฟกล่าวชัดว่า หมายถึงความพยายามของเคียฟที่จะเปิดปฏิบัติการรุกขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานว่า กองกำลังรัสเซียประสบความสำเร็จในการขับไล่แรงผลักดัน โดยทำลายเครื่องบินรบยูเครนและอุปกรณ์ทางทหารที่จัดหาโดยตะวันตกจำนวนมากในกระบวนการนั้น”
เมดเวเดฟตั้งข้อสังเกตว่า “การเปิดตัวปฏิบัติการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เนื่องจาก“ระบอบการปกครองของเคียฟไม่มีทางเลือก มันต้องโจมตี มันต้องเหมาะสมกับเงินและอาวุธที่ได้รับ” เขาเสริมว่า“ความผิดหวังของผู้หนุนหลังเคียฟ อาจทำให้ Zelensky และเพื่อน ๆ ของเขาต้องสูญเสีย ไม่เพียงแต่ตำแหน่งของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตของพวกเขาด้วย”
อดีตประธานาธิบดีรัสเซียเสนอว่า เคียฟใช้รายงานเพียงไม่กี่ฉบับจาก“สายลับอเมริกัน”ซึ่งเขากล่าวว่า ควบคุมหน่วยรักษาความปลอดภัยยูเครน (SBU) มานานแล้ว เพื่อสร้างภาพให้“แก๊งยาเสพติด”ถูก“เขียนให้มีบทบาทนำทันที” และออกไปรบกลายเป็นเศษเหล็ก”เพื่อผลาญเงินภาษีของชาวอเมริกันโดยเปล่าประโยชน์
“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะมอบหมายให้คนอื่นทำเหมือนที่พวกเขาต้องการทำในแลงลีย์ ซี่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของซีไอเอ”
เมดเวเดฟกล่าวว่า “เพียงแค่พวกเขาจะออกคำสั่งให้สิ่งมีชีวิตหัวรุนแรงบางคนกำจัดใครบางคนซึ่งเป็นผู้ติดยา ในข้อหากบฏต่อยูเครนและกลุ่ม Bandera จากนั้นจึงแขวนเขาไว้ที่ใดที่หนึ่งพร้อมกับพรรคพวกของเขา”
“ดังนั้น ระบอบการปกครองของเคียฟจึงมีทางออกเพียงทางเดียว คือไปให้ถึงที่สุด ส่งคนหลายพันคนไปสิ้นชีพ”
เมดเวเดฟสรุปและยืนยันว่ารัสเซียต้องไม่ประมาทศัตรูและเปิดฉากรุกของตนเองเพื่อ“โค่นล้มระบอบการปกครองนีโอฯเคียฟ โดยสิ้นเชิง”
เมื่อเดือนที่แล้ว เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย กล่าวว่ายูเครนไม่มีอนาคตในรูปแบบปัจจุบัน และการล่มสลายของความเป็นรัฐเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาย้ำว่า”รัฐบาลนีโอฯในเคียฟ”จะต้องถูกทำลายเพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งดำเนินต่อไปชั่วนิรันดร์
อีกเสียงหนึ่งที่สนับสนุนแนวคิดทำลายระบอบนีโอฯที่ครอบงำอำนาจรัฐยูเครน คือ นิโคลาย ปาตรุเชฟ(Nikolay Patrushev) ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย เชื่อว่าประเทศยูเครนจะต้องวางตัวเป็นกลางจึงปลอดภัยทุกฝ่าย
ปาตรุเชฟย้ำว่า “ไม่มีสงครามระหว่างประชาชนชาวรัสเซียและประชาชนชาวยูเครน”ความก้าวร้าวอย่างรุนแรง” เพียงอย่างเดียวมาจากสหรัฐฯ ซึ่งใช้ยูเครนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามกับรัสเซียโดยไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ”
เขากล่าวระหว่างการประชุมกับอเล็กซานเดอร์ โวลโฟวิช ฝ่ายความมั่นคงของเบลารุสเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปาตรุเชฟยืนยันว่า“ระบอบนีโอฯของเคียฟ”ซึ่งคิดค้นโดยวอชิงตันและลอนดอน“ต้องถูกแทนที่”ด้วยรัฐบาลที่ ยูเครนจะต้องถูกทำให้เป็นรัฐที่เป็นกลาง วิกฤตที่กำลังดำเนินอยู่ในประเทศทุกวันนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลยนอกจากวอชิงตัน
เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงประกาศว่า สหรัฐฯ ได้“ทำให้ทั้งยุโรปต้องคุกเข่าลงแล้ว”โดยแสวงหาผลประโยชน์สูงสุดสำหรับเศรษฐกิจของอเมริกาโดยการทำให้สหภาพยุโรปอ่อนแอลง ซึ่งสามารถกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของโลกหลายขั้วได้เลยทุบซะเลยจะได้พึ่งพาอเมริกาตลอดไป
นอกจากนี้ เขายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้รัสเซียมีอำนาจ และพยายามที่จะแยกชิ้นส่วนหรือชำระบัญชีเพื่อที่จะครอบครองดินแดนยูเรเชียโดยสมบูรณ์และรีดเอาทรัพยากรออกไป”
เพื่อแก้ปัญหานี้ Patrushev ระบุว่าวอชิงตันและลอนดอนใช้ความสามารถของนาโต้และสหภาพยุโรป นีโอฯยูเครนและองค์กรพัฒนาเอกชน และรัฐบาลในเคียฟที่พวกเขาควบคุมดำเนินตามแผนภูมิรัฐศาสตร์ของวอชิงตัน
เจ้าหน้าที่กล่าวเสริมว่าตะวันตกมีแผนที่คล้ายกันสำหรับเบลารุส โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาพยายามทำการปฏิวัติสีในประเทศไม่สำเร็จในปี ๒๕๖๓ และล้มเหลวในการจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดของตนเองในมินสค์ผ่านการรัฐประหาร
Patrushev ยืนยันว่าเบลารุสเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ใกล้ชิดที่สุดของรัสเซีย และจำเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองประเทศจะต้องกระชับความร่วมมือด้านการป้องกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และร่วมกันต่อต้านการคว่ำบาตรจากภายนอกและความพยายามที่จะแทรกแซงกิจการภายใน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุสระบุว่า “ความผิดพลาดเพียงอย่างเดียว”ของมินสค์และมอสโกว์ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตยูเครนได้เร็วกว่านี้ เขาแนะนำว่าทั้งสองประเทศใช้เวลานานเกินไปในการหาทางออกทางการทูต และควรดำเนินการแก้ไขมานานแล้ว แม้กระทั่งก่อนการรัฐประหารของไมดานในเคียฟในปี ๒๕๕๗ ซึ่งโค่นประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของประเทศ แล้วแทนที่ด้วยรัฐบาลหุ่นเชิดตะวันตก
Lukashenko ฟันธงว่าการสู้รบจะต้องปะทุไม่ช้าก็เร็ว และมอสโกว์ควรจะเริ่มปฏิบัติการทางทหารตั้งแต่ในปี๒๕๕๗-๒๕๕๘ เมื่อยูเครนยัง“ไม่มีทั้งกองทัพและไม่มีข้อยุติภายใต้การครอบงำของสหรัฐฯ” การเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในปีที่ผ่านมาถือว่ายังช้าไปด้วยซ้ำ!!??