เยอรมนี ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปและใหญ่อันดับ ๔ ของโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อ GDP ไตรมาสแรกปี ๒๕๖๖ หดตัวอีก ๐.๓% ต่อเนื่องจากที่ไตรมาส ๔ ปี ๒๕๖๕ ที่หดตัวไปก่อนแล้ว ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๖ หดตัวอีก ๐.๓% การที่ GDP ติดลบสองไตรมาสติดต่อกัน มีความหมายว่าเศรษฐกิจเยอรมนีเข้าสู่ภาวะ “ถดถอย” หรือ recession อย่างเป็นทางการแล้ว
นอกจากเผชิญรีเซสชั่นก่อนใครในยุโรป การเคลื่อนไหวประท้วงซึ่งตั้งเค้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว มาวันนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าเดิม กรณีล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในเมืองไลป์ซิก
การประท้วงปะทุขึ้นหลังจากศาลเยอรมันตัดสินให้กลุ่มฝ่ายซ้ายที่โจมตีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นพวกนีโอฯจำคุกยาว เพราะในเยอรมนีมีกระแสเกลียดกลัวกลุ่มหัวรุนแรงนีโอฯ ว่าจะชักนำเยอรมนีรบกับรัสเซีย จุดชนวนสงครามโลกครั้งใหม่ ก่อนหน้านี้ก็มีการจัดชุมนุมไล่นาโต้ ไม่หนุนสงครามมาหลายครั้ง
You're watching anti-fascist anger exploding onto the streets of #Leipzig tonight. In solidarity with our comrades imprisoned by the German state for opposing far right scum. This is how we do it. The only good fascism is dead fascism. #SocialistSundaypic.twitter.com/oBd1sbor4z
— GhostofDurruti (@DurrutiRiot) June 3, 2023
วันที่ ๖ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่าผู้ประท้วงกลุ่มซ้ายจัดปะทะกับตำรวจเยอรมันในเมืองไลป์ซิกทางตะวันออกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ความไม่สงบเกิดขึ้นจากคำตัดสินของศาลเมื่อเร็วๆ นี้ที่ส่งผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการต่อต้านนาซีและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งสามคนของเธอต้องโทษจำคุก
ความปั่นป่วนเกิดขึ้นในวันพุธหลังจากศาลเดรสเดนตัดสินจำคุกกลุ่มติดอาวุธฝ่ายซ้าย ๔ คน ฐานใช้ความรุนแรงต่อผู้ต้องสงสัยว่าเป็นพวกนีโอฯ ศูนย์กลางของคดีคือนักศึกษาอายุ ๒๘ ปี ซึ่งระบุว่าเป็นลีน่า อี ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งถูกควบคุมตัวและตัดสินจำคุกเป็นเวลา ๕ ปี อีกสามคนได้รับโทษจำคุกตั้งแต่สองปีห้าเดือนถึงสามปีสามเดือน
เพื่อประท้วงคำตัดสินของศาล นักเคลื่อนไหวในท้องถิ่นได้ประกาศเดินขบวนขนานนามว่า ‘วัน X’ แม้ว่าทางการท้องถิ่นจะสั่งห้ามเนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่การชุมนุมยังคงดึงดูดผู้ประท้วงจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเบื้องต้นคาดว่าจำนวนผู้เข้าร่วมจะอยู่ที่ ๑,๕๐๐ คน
การประท้วงเริ่มต้นอย่างสงบ แต่ภายหลังกลายเป็นความรุนแรง โดยผู้ประท้วงขว้างปาก้อนหินและขวดใส่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ตำรวจเมืองไลป์ซิกกล่าวว่าการปะทะกันส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บประมาณ ๕๐ นายตั้งแต่วันศุกร์ และเสริมว่าผู้ประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บไม่ทราบจำนวน
ตำรวจเปิดเผยว่าได้ปิดล้อมผู้ประท้วงราว ๑,๐๐๐ คนและจับกุมผู้ประท้วง ๓๐ คน โดยมีผู้ถูกควบคุมตัวมากถึง ๕๐ คน แต่ต่อมาได้รับการปล่อยตัวภายในเที่ยงวันอาทิตย์ ตำรวจยังได้เริ่มการสอบสวนการละเมิดสันติภาพอย่างร้ายแรงและการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
วิดีโอจากที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วงกำลังชกต่อยกัน โดยมีเจ้าหน้าที่บางคนใช้กระบองและสเปรย์พริกไทยเพื่อสลายกลุ่มนักเคลื่อนไหว ส่วนคลิปอื่นๆ ที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นผู้ชุมนุมใช้พลุไฟ โดยมีไฟลุกไหม้ตามท้องถนน

เบิร์กฮาร์ด จุง(Burkhard Jung) นายกเทศมนตรีเมืองไลป์ซิก ประณามการกระทำของกลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายซ้าย โดยอธิบายว่าพวกเขาเป็น“ผู้กระทำผิดอย่างบ้าคลั่ง”ในขณะที่ แนนซี เฟเซอร์(Nancy Faeser) รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี เรียกพฤติกรรมของกลุ่มประท้วงว่า “ความรุนแรงที่ไร้เหตุผล”ซึ่งนำโดย“กลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายซ้ายและกลุ่มผู้ก่อการจลาจล”
อย่างไรก็ตาม ตำรวจเยอรมันถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย โดยสมาชิกรัฐสภาท้องถิ่น อัลเบรทช์ พัลลาส กล่าวหาว่าเป็น “วิธีการยั่วยุ”โดยอ้างว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ จูเลียน นาเกล และมาร์โก โบห์ม ส.ส.ท้องถิ่นอีก ๒ คน ระบุว่า การห้ามการชุมนุมในตอนแรกถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ “อื้อฉาว”ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
แม้จะถูกวิจารณ์ แต่เฟเซอร์ชี้ว่า“ใครก็ตามที่ขว้างก้อนหิน ขวด และอุปกรณ์ก่อความไม่สงบใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องรับผิดชอบ”และให้คำมั่นว่าทางการจะ“จับตาดูอย่างใกล้ชิด”ต่อสถานการณ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
อัยการกล่าวหากลุ่มเคลื่อนไหวว่าเป็น “กลุ่มหัวรุนแรงที่มีอุดมการณ์ซ้ายสุดโต่ง” และมีความคิดที่จะโจมตีบุคคลขวาจัดในเมืองไลป์ซิกและเมืองใกล้เคียง มีชายสามคนถูกกล่าวหาว่าเข้าร่วมกับเธอภายในปี ๒๕๖๒ ศาลในเมืองเดรสเดนตัดสินจำคุกพวกเขาระหว่าง ๒๗ เดือนถึง ๓๙ เดือน
การประท้วงสุดสัปดาห์นี้ในเมืองไลป์ซิกมีขึ้นหลังจากการเดินขบวนที่คล้ายคลึงกันในเมืองอื่นๆ รอบเยอรมนี รวมถึงเบอร์ลิน เบรเมิน และฮัมบูร์ก ในวันถัดจากคำตัดสิน และมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจแต่ไม่รุนแรงมากเท่าเมืองไลป์ซิก
ท่าทีของรัฐบาลชัดเจนจะหนุนยูเครนรบกับรัสเซียอย่างถึงที่สุด เมื่อนายกรัฐมนตรี โอลาฟ โชลช์(Olaf Scholz) ของเยอรมันยืนยันการส่งความช่วยเหลือไปยังยูเครนหลังจากที่ผู้ประท้วงตะโกนใส่เขาในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงสังสรรค์ของเขาในเมืองฟัลเคนซี(Falkensee) ใกล้กรุงเบอร์ลิน ผู้ประท้วงตะโกนว่า “สร้างสันติภาพโดยปราศจากอาวุธ” ระหว่างการปราศรัยของ Scholz เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายนที่ผ่านมา เขาตะโกนตอบกลับโดยบอกผู้ก่อกวนว่า ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียเป็นผู้ที่ให้ความอบอุ่นอย่างแท้จริง และหากพวกเขา “มีเหตุผล” พวกเขาก็จะเป็นเช่นนั้น” โชลช์ยังระบุอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เห็นทางเลือกอื่นนอกจากสนับสนุนยูเครน ไม่ใช่แค่ในหลักการแต่รวมถึงอาวุธด้วย เนื่องจากการรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซีย
ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่ออำนาจรัฐของเยอรมนีเป็นหนึ่งเดี่ยวกับกลุ่มแองโกลแซกซอนมหาอำนาจเดี่ยว โดยยุทธศาสตร์แล้วไม่อาจไม่รบกับรัสเซียซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มมหาอำนาจหลายขั้วท้าทายอำนาจครอบงำโลกของกลุ่มเก่า แม้จะต้องแลกกับหายนะของประชาชนในประเทศ เนื่องจากว่ายังคงมั่นใจในชนะของเมกา-นาโต้อย่างยิ่ง สงครามครั้งสุดท้ายของจักรวรรดินิยมจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงแม้โลกจะไม่เต็มใจให้เกิด!!