วันก่อนบอกว่าธนาธร-พรรคอนาคตใหม่ออกอาการเหนื่อยหนัก??? กรรมวิธีปลุกเร้าออกไปในทางมุกแป้ก ?!? จึงชวนกันให้จับตา กิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่โหมกระแสมาต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุดมีอีกกลุ่มเอาด้วย !?!แต่ไม่ใช่เห็นด้วย นั่นคือ เดินเชียร์ลุง!!! ซึ่งปรากฏการณ์จะมองไปอย่างอื่นไม่ได้ว่านี่คือ การออกมาคาน เมื่ออีกฝ่ายจัด:เราก็จัด และเมื่อเราจัด:อีกฝ่ายก็จัด เป็นความตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ใช่การปะทะ หากคือ การถ่วงดุล!?!?
เริ่มที่การเดินของนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ที่พยายามทดลองสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหว ไม่ว่า จัดงานอยู่ไม่เป็น หรือวิ่ง save อนาคตใหม่ กระทั่งคำพูดของ จอห์น วิญญู และ เพจมอกะเสด ที่มีแฟนเพจ1.6หมื่น ที่ได้โพสต์เชิญชวนให้ออกมาชุมนุมโดยวางเงื่อนไขดูจากยอดคนที่เข้ามากดไลท์ยอด1หมื่น
เมื่อแนวทางที่พรรคอนาคตใหม่ กำหนดออกมาด้วยรูปแบบการเคลื่อนไหวใหม่ๆ ไม่ประสบผล จะด้วยเหตุเป็นช่วงขาลงของพรรค หรือคนส่วนใหญ่รู้เห็นธาตุแท้ของนายธนาธรที่เป็นจริงแล้วหรือไม่ก็ตาม นั่นก็ประกอบเป็นเหตุเป็นผลนำมาชั่งน้ำหนักได้???
ดังนั้นจึงปรากฏการออกมาโหมกระแสกิจกรรม วิ่งไล่ลุง ที่กำลังเป็นที่พูดถึงทั้งในโลกโซเชียลฯและสังคมภายนอก ไม่ว่าจากบอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย ฟอร์ด เส้นทางสีแดง โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ซึ่งก็มีความเคลื่อนไหวในกิจกรรมนี้อยู่อย่างน่าสนใจ
การเคลื่อนของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ เนื่องด้วยมีชะตากรรมในเรื่องคุกตะราง-ยุบพรรค-ตัดสิทธิ์เลือกตั้งวางอยู่??? แล้วการเคลื่อนของกลุ่มวิ่งไล่ลุง ทำเพื่อวัตถุประสงค์ใด??? คงไม่ต้องเสียเวลาหาคำตอบ เพราะความชัดเจนอยู่ที่แกนนำผู้จัดและคนที่เข้าร่วมนั่นแหละคือคำตอบ!!!
นายธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือบอล ประธานยุทธศาสตร์ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) อดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เตรียมจัดงาน “วิ่งไล่ลุง” ในวันที่ 12 มกราคม 2563 ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ต่อมาเมื่อเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปปรากฏว่ามีเสียงวิจารณ์จากนักวิ่ง ที่มองว่าการนำกิจกรรมวิ่งไปเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมทั้งยังมีการทำการ์ตูน “กูลิโกะแมน” สัญลักษณ์ของกูลิโกะริมแม่น้ำโดตมโบริ บริเวณสะพานอิบิซึบาชิ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ทำให้สังคมเข้าใจว่าขนมขบเคี้ยวยี่ห้อดังให้การสนับสนุนหรือไม่
กระทั่งผู้บริหารบริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด และ บริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด ต้องออกหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับการนำเครื่องหมายการค้าไปดัดแปลงเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ทางการเมือง
โดยระบุว่า ได้มีผู้นำเครื่องหมายการค้าหรือโลโก้ที่กลุ่มบริษัทกูลิโกะใช้ในการประกอบธุรกิจ ไปดัดแปลงเพื่อใช้สำหรับกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิดว่ากลุ่มบริษัทกูลิโกะได้ให้การสนับสนุนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมืองนั้น
บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด และ บริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด (“บริษัทฯ”) ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัทกูลิโกะในประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า บริษัทฯ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น
บริษัทฯขอย้ำว่า มีนโยบายความเป็นกลางทางการเมือง และไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหทางการเมืองทุกรูปแบบ จึงใคร่ขอความร่วมมือให้งดเว้นการนำเครื่องหมายการค้าหรือโลโก้ของกลุ่มบริษัทกูลิโกะ ไปดัดแปลงเพื่อนำไปใช้สำหรับกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์หรือไม่ก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนทั่วไป
นั่นคือผลกระทบอันจะเกิดกับทางธุรกิจเมื่อมีการกระทำเช่นนั้นของผู้จัดวิ่งไล่ลุง ซึ่งแน่นอนว่าจัดขึ้นเพื่อการเมือง ต่อมามีความเคลื่อนไหวที่สังคมต้องจับตาอีกเช่นกันเมื่อ ปรากฏมีการเผยแพร่กิจกรรม เดินเชียร์ลุง แล้วก็ชัดเจนว่าย่อมเป็นฝ่ายที่หนุนลุง โดยในที่นี้ก็มองกันไปว่า หมายถึง ลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
4 ธ.ค. 62 หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ อุ๊ นักร้องชื่อดังได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก หฤทัย ม่วงบุญศรี อยู่กับ Haruthai Muangbunsi
ถ้าให้เลือกระหว่าง “วิ่ง-ไล่-ลุง” กับ “เดิน-เชียร์-ลุง” อุ๊ขอเลือก”เดินเชียร์ลุง”
12 มกราคมนี้เจอกันแน่นอน “สวนลุมพินี” ไปเอง ไปแน่ ไปด้วยใจ ไปให้โลกรู้ เราคนไทยเข้าเรื่องการแสดงออกแบบประชาธิปไตย และเป็นประชาธิปไตยในเเบบที่เราเลือก ในแบบที่เราพอใจ ไม่ตามก้นฝรั่ง ไม่ทำลายชาติไม่ทำลายความมั่นคง
คนไทยลงถนนเป็นเมื่อไหร่โลกจะได้รู้ว่า เราไม่ได้โง่เหมือนคนบางคนที่ชอบให้ต่างชาติมาจูงเป็นควาย คนไทยไม่ใช่ควาย เพราะฉะนั้นจัดไปคะ เจอกัน 12 มกราคมนี้แน่นอน
หมายเหตุ เสื้ออุ๊ไม่เอา ใครถนัดใส่เสื้ออะไรก็ใส่ไปเลย ไม่ต้องแจกเสื้อ
6 ธ.ค.62 นายธนวัฒน์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Tanawat Wongchai ว่า สารพัดงูเห่า กลเกมต่างๆ ที่ฝ่ายรัฐบาลควักออกมาใช้ในการดึงดันให้มีการคว่ำ กมธ.ศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจของคณะรัฐประหาร เพื่อปกป้องคณะรัฐประหาร แล้วกดขี่ประชาชน
หากคุณเป็นคนที่ทนควาทอัปยศของสภาไม่ไหว ก็ขอเชิญชวนออกมา #วิ่งไล่ลุง ส่งเสียงของประชาชนให้ดังว่าเราจะ #ไม่ยอมไม่ทนไม่เฉย อีกต่อไปแล้วครับ
เป็นการปลุกเร้า ฉวยโอกาสปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง โดยการหยิบประเด็นสถานการณ์ในสภามาปั่นกระแสหวังจุดให้ติดกับกิจกรรมที่ตนเองดำเนินการอยู่ ซึ่งไม่ได้คิดพินิจใตร่ตรองให้ถ้วนถี่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสภาเป็นกลเกม การชิงไหวชิงพริบ เป็นการเล่นการเมืองกันของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอันอยู่ในกรอบปกติ!!!
6 ธ.ค.62 นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุถึงการเคลื่อนไหวในวันที่ 12 มกราปีหน้าว่า
เขาจะเอากันอย่างนี้
ไม่มีใครฟังใครกันแล้ว!!!
พวกหนึ่งวิ่งไล่ลุง
อีกพวกหนึ่งเดินเชียร์ลุง
รณรงค์กันใหญ่แล้ว****
ทั้งแจกทั้งแถม โปรโมทกันราวกับขายของเลหลัง
และทิ้งไพ่ตัวใหญ่มาเล่นกันแล้ว
ถ้างั้นเอาเลย
ระดมกันฝ่ายละแสนคนเลยครับ
อาจจะดีเหมือนกัน
เพราะเบื่อพวกปลิ้นปล้อนเต็มทีแล้ว
ผู้สูงวัย ไม่ต้องไปเดินไม่ต้องไปวิ่งนั่งดูเฉยๆก็ดีเอง
ท่าทีนี้จากคำพูดนี้ของนายไพศาล ที่มีอดีตเป็นกรรมการผู้ช่วยบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกทั้งมีญาติเข้าไปนั่งทำงานให้พรรคอนาคตใหม่ด้วย ซึ่งไม่รู้มีความหมายที่แน่ชัดอย่างไร และมีวัตถุประสงค์ใด แต่ก็มองได้ว่า คงไม่ใช่แค่อาการประชดของอารมณ์ผู้สูงวัย??? ที่สำคัญนี่คือ การมองเห็นปรากฏการณ์ของสองม็อบเช่นกัน?!?
ปรากฏการณ์ของกลุ่มไม่ว่าจะเดินเชียร์ลุง หรือ วิ่งไล่ลุง ไม่ได้เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในสังคมการเมืองไทย เพราะถ้าจะย้อนไปสัก10ปีที่ผ่านมา เราต่างก็ประจักษ์ชัดได้เห็นกันมาลแล้ว ไม่ว่าสีเหลือง สีแดง กระทั่งม็อบลุงกำนัน
ปี 2548 ได้มีการเคลื่อนไหวของฝ่ายซึ่งมีความเห็นว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในขณะนั้น ควรออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล ก่อนจะลงเอยด้วยเหตุการณ์รัฐประหาร
ปี 2550 พรรคพลังประชาชน ซึ่งถูกมองว่าเกี่ยวข้องทางผลประโยชน์ของ ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลผสม ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯกลับมาชุมนุมอีกครั้งในปี 2551 เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่ง
ในปี 2550 ปรากฏ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ซึ่งมีชื่อเดิมว่า แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก. เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับนาย ทักษิณ เป็นองค์กรหลักของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีสัญลักษณ์หลักคือ สีแดง และเสื้อสีแดง
ซึ่งในช่วงเริ่มการต่อสู้ใช้สีเหลือง ต่อมาตั้งแต่ช่วงรณรงค์ให้ประชาชนลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ก็เริ่มใช้สีแดง และมีการใช้เท้าตบ และหัวใจตบ เพื่อล้อเลียนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งการล้อเลียนที่ว่านี้ไม่เพียงแค่ใช้สัญลักษณ์แต่ยังใช้รูปแบบการเคลื่อนไหวที่คล้ายจะถอดแบบกันมาอีกด้วย
ปี 2552 หลังการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล โดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางนปช.ก็กลับมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552 จนเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 หรือที่เรียกกันในขณะนั้นว่า เมษาเลือด
ปี 2553 นปช.ได้จัดชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพมหานครอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม จนกระทั่งถูกสลายการชุมนุมในวันที่ 10 เมษายน และ 19 พฤษภาคม ซึ่งคนไทยเรียกเหตุการณ์ช่วงนี้ว่า เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง???
ปี 2557 ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พฤษภาคม พบว่ากลุ่ม นปช.ส่วนหนึ่งหลบหนีไปต่างประเทศ เนื่องจากถูกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรียกให้มารายงานตัว ส่วนหนึ่งยังอยู่ในประเทศไทย โดยมีคดีติดตัวต้องต่อสู้กับผลการกระทำที่ผ่านมา
ปี 2556 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ได้ก่อตั้งกลุ่ม กปปส. ซึ่งมีบทบาทเป็นอย่างมากในช่วงวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 มีการชุมนุมประท้วงขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานครที่ว่ากันว่า มีจำนวนคนผู้เข้าร่วมชุมนุมมากที่สุดตั้งแต่มีการชุมนุมในประเทศ ยิ่งกว่าม็อบนปช. หรือ เหตุการณ์ในอดีตไม่ว่า เหตุการณ์เดือนตุลา หรือ พฤษภาทมิฬ
นั่นเพราะได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์การ โดยกลุ่ม กปปส. มิได้ใช้สัญลักษณ์สีเสื้อแทนตัวเอง แต่ใช้การเป่านกหวีดเป็นสัญลักษณ์ เริ่มต้นด้วยการคัดค้านต่อต้านการออกพรบ.นิรโทษกรรมให้ผู้ชุมนุมรวมทั้งอดีตนายกฯทักษิณ ก่อนจะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีขณะนั้นคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง
22 พ.ค. 2557 กลุ่มกปปส. ได้ยุติการชุมนุมเมื่อเกิดรัฐประหาร โดยวันที่ 16 มิถุนายน 2557 นายสุเทพ กล่าวว่า กปปส. หยุดเคลื่อนไหวหลัง คสช. เข้าควบคุมการใช้อำนาจ และ กปปส. พร้อมให้ความร่วมมือหาก คสช. จัดการปฏิรูปประเทศ
นั่นคือปรากฏการณ์การชุมนุมในห้วงเวลา14ปีที่ผ่านมา นำมาเสนอไว้ตรงนี้เพื่อบอกกล่าวว่า ในสถานการณ์ทางการเมืองย่อมมีสิ่งนี้ปรากฏนั่นคือ การหนุนส่งของแนวร่วม หากจะพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ ฝ่ายผู้มีอำนาจไม่ว่ายุคสมัยใครขึ้นมา ย่อมมีมวลชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เสมอ!!! ด้วยรูปแบบที่ปรากฏ และจะยังมีเห็นต่อไปแน่ๆ?!?