พื้นที่ชายแดนของรัสเซียมักตกอยู่ภายใต้การยิงของปืนใหญ่และจรวด เช่นเดียวกับการโจมตีด้วยโดรนมาตั้งแต่เปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน แต่ล่าสุดเมื่อเคียฟ-นาโต้ พลาดท่าเสียเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างอาร์ติมอฟ ยูเครนได้เปลี่ยนกลยุทธ์เน้นก่อการร้ายในแผ่นดินรัสเซียมากขึ้น
ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา โดรนบรรทุกวัตถุระเบิดพุ่งชนอาคารที่พักอาศัยสูงหลายแห่งในกรุงมอสโกว์ ไม่มีใครเสียชีวิต ขณะที่พลเรือน ๒ คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวว่าเคียฟได้ทำการโจมตีเพื่อสร้างความกลัวและความสับสนในหมู่ประชาชน
ล่าสุดโรมัน สตาร์โรวอยต์ ผู้ว่าการภูมิภาคเคิร์สก์กล่าวในช่วงเช้าของวันนี้ว่า “โดรนของยูเครนหลายลำถูกยิงตกใกล้กับเมืองเคิร์สก์ของรัสเซีย Starovoyt เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบและเสริมว่าเมืองหลวงของภูมิภาคที่มีพรมแดนร่วมกับยูเครนนั้น“อยู่ภายใต้การคุ้มครองอย่างแน่นหนาของกองทัพของเรา”
วันที่ ๒ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า เช้าตรู่วันที่ ๑ มิ.ย.ที่ผ่านมา หน่วยของกองกำลังติดอาวุธรัสเซียและหน่วยรักษาชายแดน ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ของ Federal Security Service (FSB) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงชายแดนของรัสเซีย ได้ขับไล่กองกำลังยูเครนที่จะบุกรุกดินแดนของรัสเซียถึง ๓ ครั้ง ใกล้เมืองเชเบกิโน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในแถลงการณ์ว่า “กองทัพรัสเซียได้ขัดขวางความพยายามครั้งใหม่ของรัฐบาลเคียฟ ในการดำเนินการก่อการร้ายต่อพลเรือนในเมืองเชเบกิโน ภูมิภาคเบลโกรอด”
ยูเครนรวบรวมกองทหารราบสองกองร้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากรถถังสำหรับการโจมตีครั้งนี้
ระหว่างการสู้รบ กองกำลังยูเครนสูญเสีย “ผู้ก่อการร้าย ๓๐ คน ยานเกราะต่อสู้ ๔ คัน ยานรบ Grad MLRS รถกระบะหนึ่งคัน” ตามการประเมินของมอสโก
กระทรวงฯ ระบุว่า “ต้องขอบคุณการกระทำที่กล้าหาญของทหารรัสเซีย การโจมตี ๓ ครั้งของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนถูกขับไล่กระจัดกระจาย” พร้อมเสริมว่าเครื่องบินรบของกองกำลังเขตทหารตะวันตกของรัสเซียทำการโจมตีเป้าหมายข้าศึก ๑๑ ครั้ง
ผู้ว่าการภูมิภาคเบลโกรอด วยาเชสลาฟ แกลดคอฟ กล่าวว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ๘ รายจากการยิงถล่มเมืองเชเบกิโน โดยกองทหารยูเครน Shebekino เป็นเมืองในเขต Belgorod ของรัสเซีย ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Nezhegol ห่างจาก Belgorod ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ๓๐ กิโลเมตร ประชากรของ Shebekino มีประมาณ ๔๐,๐๐๐ คน
เมื่อเดือนที่แล้วเบลโกรอดก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธกลุ่มเล็ก ๆ ของยูเครนซึ่งติดอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพตะวันตก ความพยายามของกลุ่มที่จะหว่านความหวาดกลัวในหมู่พลเรือนจบลงด้วยความล้มเหลว เนื่องจากการตอบโต้อย่างรวดเร็วของกองทัพรัสเซีย ซึ่งเข้าบดขยี้ผู้บุกรุกชาวยูเครนในทันที คร่าชีวิตผุ้ร้าย ๗๐ คน จับได้ ๒๐ คนและกดดันให้กำลังที่เหลือหนีกลับไปยังยูเครน
ช่วงนี้กองทัพรัสเซียเร่งปราบการก่อการร้ายอย่างเข้มข้น ในขณะเดียวกันมีรายงานศาลสูงสุดของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ของรัสเซีย หรือ DPR ได้ตัดสินให้สมาชิกคนหนึ่งของหน่วย Azov ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเคึยฟติดคุกตลอดชีวิตฐานสังหารพลเรือนอย่างโหดเหี้ยม
จ่าสิบเอกแม็กซิม คอนดราเชฟ(Maxim Kondrashev) จากกองพันนีโอฯอาซอฟชื่อกระฉ่อนถูกศาลสูงสุดของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ (DPR) ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าสังหารพลเรือน ๔ คนในขณะที่พวกเขาพยายามหลบหนีจากเมือง Mariupol เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว
เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรมคนสองคนหรือมากกว่านั้น ตลอดจนการปฏิบัติต่อพลเรือนอย่างโหดร้ายและการใช้วิธีสงครามต้องห้าม
ในระหว่างการพิจารณาคดี ระบุว่าทหารพร้อมกับกองทหารอื่น ๆ ยืนเฝ้าอยู่ที่ทางแยกใกล้กับโรงงาน Azovstal เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๐๒๒ ประมาณ ๒๒.๐๐ น. Kondrashev เปิดฉากยิงใส่รถตู้หลังจากที่ไม่สามารถหยุดรถได้ คำสั่งของเขา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตภายในรถทั้งหมด ๔ คน เป็นชาย ๓ คน และหญิง ๑ คน
ตามรายงานของสำนักงานอัยการ จ่าสิบเอกยูเครน“เห็นชัดเจนว่าหลังพวงมาลัยและภายในรถตู้คันนี้มีพลเรือนสวมชุดพลเรือน” เอกสารของศาลเปิดเผยว่า เขาถูกกองกำลังรัสเซียจับตัวเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
เมื่อปลายปีที่แล้ว คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซียกล่าวหาว่ากองทัพยูเครนขัดขวางการอพยพพลเรือนออกจากเมืองมารีอูปัลในช่วงที่มีการสู้รบรุนแรงที่สุด ซึ่งมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า ๓,๐๐๐ คน
ทางการรัสเซียระบุว่า กองกำลังของเคียฟไม่อนุญาตให้ประชาชนออกจากเมืองท่าที่ถูกปิดล้อมผ่านทางทางเดินเพื่อมนุษยธรรมที่มอสโกว์จัดเตรียมไว้ให้
เจ้าหน้าที่กล่าวในเวลานั้นว่า ได้มีการดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่และผู้บัญชาการทหารของยูเครนหลายคน รวมทั้งนายพลวาเลอรี ซาลุซนีย์ หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธของประเทศด้วย
ในทางกลับกัน ยูเครนกล่าวหารัสเซียว่าสังหารพลเรือนด้วยการระดมยิงและทิ้งระเบิดที่มารีอูโปลอย่างไม่เลือกหน้า การสู้รบเกิดขึ้นไม่นานหลังจากกองทหารรัสเซียข้ามพรมแดนยูเครนในปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว กองทหารของเคียฟถูกฝังอยู่ที่กลุ่มอุตสาหกรรม Azovstal และตกลงที่จะยอมจำนนในกลางเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
ในหมู่เชลยศึก หากใครก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อประชาชนหรือทหารรัสเซียจะถูกดำเนินคดีโดยไม่นำไปแลกเปลี่ยนเชลยศึก สำหรับเหตุการณ์ก่อการร้ายถี่ในช่วงนี้ ในการปะทะต่อสู้ ทหารรัสเซียจะกำจัดคนร้ายเป็นหลัก เพราะปรากฏชัดว่าเป็นหน่วยที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกมุ่งร้ายทำลายรัสเซียอย่างจริงจัง รัสเซียมีบทบาทปราบก่อการร้ายมาหลายสิบปี ทั้งในตะวันออกกลาง อาฟริกาถือว่ามีความเชี่ยวชาญในการรับมือกับพวกนี้ แบบโหดมาโหดกลับไม่โกง!!
