จากเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์ รายงานถึงกระทรวงกลาโหมของจีนเปิดเผยภารกิจ กองทัพเรือจีน อิหร่าน และรัสเซียกำลังซ้อมรบร่วมกันในอ่าวโอมานใกล้กับปากอ่าวเปอร์เซียทางยุทธศาสตร์
ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมของจีนระบุอีกว่า การฝึกซ้อมจะช่วยกระชับความร่วมมือความมั่นคงเชิงปฏิบัติระหว่างกองทัพเรือของประเทศที่เข้าร่วม
สำหรับประเทศอื่นๆ ก็เข้าร่วมการฝึกซ้อม “Security Bond-2023” เช่นกัน กระทรวงระบุโดยไม่ได้ให้รายละเอียด ทั้งอิหร่าน ปากีสถาน โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ล้วนมีแนวชายฝั่งตามแนวผืนน้ำซึ่งอยู่ที่ปากอ่าวเปอร์เซียทางยุทธศาสตร์น่าเข้าร่วมด้วยแต่ไม่ออกหน้า
ขณะที่จอห์น เคอร์บี โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า ทำเนียบขาวไม่กังวลกับการฝึกซ้อมร่วม โดยสหรัฐฯและชาติอื่นๆ ทำการฝึกซ้อมรบตลอดเวลา และนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียและจีนฝึกซ้อมร่วมกัน เขากล่าวว่า
“เราจะเฝ้าดู เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีภัยคุกคามที่เกิดจากการฝึกซ้อมนี้ ต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติหรือของพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราในภูมิภาค” แต่ประเทศต่าง ๆพากันฝึกฝนทางทหาร เราทำมันตลอดเวลา เราจะเฝ้าดูอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ล่าสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ออกมาโฑสต์ข้อความระบุถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า “UAE ถอนตัวจากการเป็นพันธมิตรร่วมลาดตระเวนในอ่าวเปอร์เซีย:
อเมริกาเดินทางหลายพันไมล์มาเพื่อแผ่อิทธิพลที่อ่าวเปอร์เซีย จากนั้นก็เชิญชวนประเทศที่ติดอ่าวเปอร์เซียอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มาร่วมเป็นพันธมิตรลาดตระเวนทางทะเล บางทีเรือรบอเมริกาก็ไปข่มขู่อิหร่าน ตอนนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถอนตัวจากพันธมิตรร่วมลาดตระเวนนี้แล้ว
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ดร.ปฐมพงษ์ ยังได้โพสต์ข้อความถึงกลุ่มประเทศอาหรับที่สำคัญในการเคลื่อนไหวร่วมขั้วอำนาจใหม่ของโลกด้วยว่า “ซาอุฯ ขอสมัครเป็นสมาชิกธนาคาร BRICS ด่วน:
ต้นเดือนหน้า กลุ่ม BRICS จะจัดประชุมที่อาฟริกา กลุ่มประเทศอาฟริกาออกมาแถลงกันยกใหญ่ว่าถ้าปูตินมา ใครหน้าไหนที่จะมาจับตามหมายศาลอาญาระหว่างประเทศไม่ได้ มีอีก ๒๕ ชาติจ่อสมัครเข้าเป็นสมาชิของ BRICS เพื่อหนีการคว่ำบาตรของชาตินักล่าอาณานิคมอย่างอเมริกา
ซาอุฯ ไม่เพียงสมัครเป็นสมาชิก BRICS ยังขอสมัครเป็นสมาชิกธนาคารกลุ่ม BRICS ด้วย พร้อมกันนั้นก็ขอให้ประเทศ BRICS ช่วยพิจารณาให้เร็วที่สุดอีกต่างหาก
ธนาคาร BRICS ไม่เหมือน IMF และ World Bank ซึ่งมีหุ่นเชิดอเมริกาเป็นผู้อำนวยการทั้งคู่ ธนาคารสองแห่งนี้มุ่งให้นานาชาติเปลี่ยนแปลงกฎหมาย เช่น แปรรูปวิสาหกิจเป็นเอกชน เพื่อให้นักลงทุนข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชาตินักล่าอาณานิคมได้เข้ามาซื้อสัมปทานพลังงานต่างๆ ได้ แต่ธนาคาร BRICS ไม่เคยบังคับให้เปลี่ยนแปลงอะไรหรือมีเงื่อนไขอะไรเลย”
