เมื่อคืนที่ผ่านมา รัสเซียเปิดฉากโจมตีเรือรบยูริ โอเลเฟรงโก ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดกลางของยูเครน ที่จอดลอยลำที่ท่าเรือทางทหารใน Odesa
ผลของการโจมตีทำให้เกิดไฟไหม้ที่ดาดฟ้าเรือ และลุกลามไปยังที่เก็บคลังกระสุนในเรือ จนเกิดการระบิดและจมลง มีการสูญเสียทหารหลายนาย แต่ยูเครนยังไม่ออกมายอมรับ การโจมตีเคียฟยังคงดำเนินอยู่เพื่อทำลายเป้าหมายกองบัญชาการรบของเคียฟ-นาโต้ รายละเอียดเชิงลึกยังไม่ปรากฎรายงานจากรัสเซียอย่างเป็นทางการแต่ การพูดคุยในช่องเทเลแกรมของทั้งรัสเซียและยูเครนมีกล่าวถึงและเผยแพร่ภาพความสูญเสียในกรุงเคียฟอย่างคึกคัก
วันที่ ๑ มิ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิก รายงานว่า กองทัพรัสเซียได้ทำลาย”เรือรบลำสุดท้าย” ของยูเคร) ด้วยการโจมตีทางอากาศที่มีความแม่นยำสูง กระทรวงกลาโหมในกรุงมอสโกว์เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า
“เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม อันเป็นผลมาจากการโจมตีด้วยอาวุธที่มีความแม่นยำสูงของ Russian Aerospace Forces ยิงใส่เรือรบที่จอดอยู่ในท่าเรือ Odessa เรือรบสุดท้ายของกองทัพเรือยูเครนถูกทำลายสิ้น”
หนึ่งวันก่อนหน้านี้แอนเดรีย รูเดนโก (Andrey Rudenko) ผู้สื่อข่าวสงครามยังรายงานด้วยว่า Yury Olefirenko จมลงหลังจากการโจมตีทางอากาศข้ามคืนในสถานที่ทางทหารที่ Odessa โดยอ้างแหล่งข่าวในยูเครน
Rudenko ระบุว่าเกิดไฟไหม้บนดาดฟ้าเรือ ซึ่งทำให้เกิดการระเบิดของคลังกระสุนในที่เก็บ มีรายงานความสูญเสียที่สำคัญในหมู่ลูกเรือ
เจ้าหน้าที่ยูเครนยังไม่ยืนยันการจมของเรือโฆษกกองทัพเรือยูเครนกล่าวกับรอยเตอร์ว่าเขาจะไม่ตอบโต้คำกล่าวอ้างของรัสเซีย และกองทัพเรือยูเครนจะไม่เปิดเผยรายละเอียดของความสูญเสียใดๆ
Yury Olefrenko มีชื่อเดิมว่า SDK-137 เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดกลางประเภท ๗๗๓ ที่สร้างโดยโปแลนด์ในปี ๑๙๗๑ สำหรับกองทัพเรือโซเวียต มันถูกโอนไปยังยูเครนในปี ๑๙๙๔ และเปลี่ยนชื่อเป็นคิโรโวกราด (Kirovograd) และประจำการในไครเมียก่อนหน้าที่จะมาประจำการในโอเดสซา
สาเหตุสำคัญของการถูกทำลายเป็นเพราะว่า เรือยกพลขึ้นบก Yury Olefrenko ลำนี้ ได้มีข้อตกลงกับทางรัสเซีย ที่จะใช้เป็นเรือคุ้มกันเรือพานิชย์ เพื่อขนส่งธัญพืชของยูเครนออกสู่ทะเลน่านน้ำสากล แต่ได้แอบติดตั้งเครื่องยิง Grad MLRS ไว้บนเรือ และนำเรือไปปฏิบัติการในบริเวณปากแม่น้ำ Dnieper -Bug และที่อื่นๆ ตั้งแต่ช่วงต้นๆของความขัดแย้ง และกองทัพยูเครนได้ใช้ข้อตกลงนี้ในการปกป้องเรือลำนี้มาตลอด กองทัพรัสเซียพยายามตามล่าและเฝ้าติดตามหาอยู่นาน ว่ายิงออกมาจากจุดใดจนสืบทราบ จึงเฝ้าติดตามมาตลอด
จนล่าสุดเรือลำนี้เข้าจอดที่ท่าเรือยุชนี (Yuzhny) เพื่อรับกระสุนขึ้นเรือ ก่อนจะเดินเรือมาจอดที่ท่า Odesa และปฏิบัติการโจมตีจึงเกิดขึ้น อันที่จริงรู้มานานแล้วแต่เมื่อหลักฐานแน่นจึงจัดหนัก ปิดปากพวกยูเอนที่ปกป้องเรือลำนี้มาตั้งแต่การโจมตีครั้งก่อน
เมื่อคาบสมุทรลงมติให้รวมชาติกับรัสเซียอีกครั้งในปี ๒๐๑๔ เรือลำดังกล่าวก็อยู่ภายใต้การควบคุมของกองเรือรัสเซียเป็นการชั่วคราว ต่อมามันถูกส่งคืนไปยังยูเครนในภายหลังและถูกลากไปที่โอเดสซา ซึ่งได้รับชื่อใหม่ล่าสุดในปี ๒๕๕๙
ในรายงานในช่วง ๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุว่ายูเครนสูญเสียทหาร ๒๐๐นายในพื้นที่โดเนตสค์ รวมทั้งรถหุ้มเกราะ ๓ คันและยานขนส่ง ๑๒ คัน ปืนใหญ่ ๑ ชิ้น และระบบจรวดหลายลำกล้อง ๒ ระบบ
กระทรวงฯ ระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธ ๑๒ ลูกที่ยิงจากระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่สูง High Mobility Artillery Rocket Systems หรือ HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ รวมทั้งขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์พิสัยไกลที่อังกฤษจัดหาให้อีก ๑ ลูก
พลเอกเซอร์เก ชอยกูรมว.กลาโหมรัสเซียกล่าวว่า “กองทัพรัสเซียกำลังตอบโต้อย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ต่อการโจมตีของผู้ก่อการร้ายโดยยูเครนต่อพลเรือนในรัสเซียโดยใช้อาวุธของนาโต้
เขาย้ำว่า “การใช้อาวุธของนาโต้ โดยทางการเคียฟยังคงโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกทางสังคม ดำเนินการโจมตีของผู้ก่อการร้ายต่อพลเมืองรัสเซียที่สงบสุข กองกำลังติดอาวุธของเราตอบโต้อย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ต่อการกระทำของกลุ่มติดอาวุธยูเครน การสนับสนุนของตะวันตกต่อเคียฟเพียงทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของปฏิบัติการทางทหารพิเศษของมอสโกว์อย่างแน่นอน”
แม่ทัพใหญ่ออกมายืนยัน สนับสนุนคำประกาศของปธน.ปูตินที่ว่า รัสเซียจะบรรลุภารกิจปกป้องภูมิภาคใหม่ที่เข้าร่วมกับรัสเซีย ท่ามกลางความพยายามของหลายฝ่ายที่ผลักดันการเจรจาสันติภาพ ทั้งจีน อาฟริกาและบราซิล ซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่าตราบใดที่เมกาและพวกไม่ยอม การเจรจาย่อมไม่เกิดขึ้นเพราะยูเครนอยู่ภายใต้การบงการของสหรัฐฯโดยสมบูรณ์ ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเซเลนสกี้แต่ขึ้นอยู่กับไบเดน รัสเซียไม่ได้รบกับยูเครน แต่รบกับนาโต้!!?