จากการร่วมกันคว่ำบาตรรัสเซียของชาติยุโรป โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอียู ขณะที่ยูเครนเองก็มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ต้องสงสัย ให้การสนับสนุนการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งมีข้อเท็จจริงอย่างไรนั้น ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นในยุโรป
ทั้งนี้สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 โดยอ้างถึงหน่วยงานต่อต้านการทุจริตของยูเครน ซึ่งประกอบด้วยบุคลากรเพียง 5 คน
เปิดเผยข้อมูลรายชื่อทางอินเทอร์เน็ต เป็นรายชื่อกลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศที่ให้การสนับสนุนสงคราม โดยมี Metro AG กลุ่มบริษัทค้าส่งจดทะเบียนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองดุสเซลดอร์ฟของเยอรมนี เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
โดยในรายชื่อที่ถูกเปิดเผยในอินเทอร์เน็ตจนถึงตอนนี้มีทั้งหมด 26 บริษัทจาก 13 ประเทศ และรายชื่อบุคคลอีกหนึ่งคน ซึ่งรัฐบาลยูเครนกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนสงครามผ่านช่องทางธุรกิจของตนในรัสเซีย บริษัทไหนอยู่ในบัญชีดำ ก็ไม่ต้องกลัวผลทางกฎหมายโดยตรง แต่อาจได้รับความเสียหายด้านภาพลักษณ์อย่างหนักเท่านั้นเอง
แม้รายชื่อจะยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด แต่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนของสหภาพยุโรป ซึ่งประเทศฮังการีประกาศข้อเรียกร้องก่อนใครว่า จะคัดค้านแผนการให้ความช่วยเหลือทางทหารของสหภาพยุโรปแก่ยูเครน จนกว่าธนาคาร OTP ของฮังการีจะถูกลบออกจากบัญชีดำ
อเล็กซานเดอร์ ชาลเลนแบร์ก รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของออสเตรีย วิจารณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า มันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการแยกบริษัทหนึ่งบริษัทใดออกจากลิสต์ โดยไม่สนใจบริษัทอื่นที่เหลือ
นั่นเพราะกลุ่มธนาคาร Raiffeisenbank ของออสเตรีย ก็อยู่ในรายชื่อนั้นเหมือนกัน รวมถึงนักการทูตจากประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรปก็ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาในการเจรจาลับว่า ยูเครนจะเปิดเผยรายชื่อผู้ให้การสนับสนุนในการทำสงครามในฝ่ายของตนด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า บัญชีดำ โผล่ขึ้นมาได้อย่างไร กรณีศึกษาของมหาวิทยาลัยเยลล่าสุด ได้รวบรวมรายชื่อบริษัทกว่า 1,000 แห่งที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ในรัสเซีย แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่อต้านการทุจริตของยูเครนเป็นทีมเล็กๆ จึงตรวจสอบได้ค่อนข้างช้า เรื่อง บัญชีดำ
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมันหลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เพราะทุกบริษัทที่ยังประกอบกิจการอยู่ในรัสเซียจะต้องเสียภาษี และเงินภาษีนั้นอย่างไรเสียก็ต้องเข้าคลังของรัสเซียอยู่ดี ถ้าจะเรียกว่าเป็นเงินสนับสนุนสงครามก็สามารถพูดได้ แต่เป็นการสนับสนุนในทางอ้อม
ส่วนกลุ่มบริษัท Metro AG ซึ่งมีธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการอยู่เกือบ 100 สาขาในรัสเซีย ได้ชี้แจงต่อสื่อในเยอรมนีว่า บริษัทพยายามลดกิจกรรมทางธุรกิจในรัสเซียไปมากแล้ว อีกทั้งยังให้การสนับสนุนยูเครนด้วยเหมือนกัน และมองว่าการที่ยูเครนนำรายชื่อบริษัทต่างๆ มาเปิดเผยอย่างมีนัยแอบแฝงเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ ไม่เหมาะสม