เปิดคลิปนาที เครือข่ายคนเชียงใหม่ ผนึกกำลังพันธมิตร ยื่นหนังสือสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ หยุดแทรกแซงไทยและสถาบัน
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (30 พฤษภาคม 2566) มีรายงานว่า ประชาชนเครือข่ายคนเชียงใหม่รักในหลวง รวมทั้ง ตัวแทน ศปปส. กว่าร้อยคนรวมทั้ง นางกัลยาณี จูปรางค์ หรือ ป้าอยุธยา พร้อมใจสวมเสื้อสีเหลือง เดินทางไปรวมตัวกันชูธงชาติไทยและเปิดเพลงปลุกใจที่บริเวณแยกราชวงค์ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ซึ่งเป็นบริเวณที่มีพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตกิติ์ พระบรมราชินี พระพันปีหลวง ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือแสดงจุดยืนคัดค้านการยกเลิกและแก้ไขมาตรา 112 และ เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาหยุดแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
ต่อมาในเวลา 14.00 น. รศ.ธีระ วิสิทธิ์พานิช อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ประสานงานเครือข่ายคนเชียงใหม่รักในหลวง อ่านจดหมายเปิดผนึกสดงจุดยืนของการมาชุมนุมในครั้งนี้ พร้อมอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่

นายโรเบิร์ต เอฟ โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ สมาชิกวุฒิสภาและคนอเมริกันทุกคน เรียกร้องขอให้หยุดแทรกแชงกิจการภายในของประเทศไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องด้วยประเทศไทยมีเอกราชมาอย่างยาวนาน เป็นราชอาณาจักร ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเองมาตั้งแต่ ปีพุทธศักราช 2475 แต่ ณ ปัจจุบันนี้กิจการภายในของประเทศไทยกำลังถูกแทรกแชงจากสภาของสหรัฐอเมริกา

อาทิเช่นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 66 ที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร Ms.Susan Wild ได้เสนอร่างมติสภาผู้แทนราษฎร 369 (H.Res. 369) เข้าไปที่สภาผู้แทนราษฎของสหรัฐอเมริกา ซึ่งร่างมติดังกล่าวได้ถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และได้ผ่านการพิจารณาจากสภาของสหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งรายละเอียด ข้อ 5 ของร่างมตินี้ที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยและยุติการดำเนินคดีกับนักกิจกรรมทางการเมือง โดยเฉพาะเด็กและนักเรียน เว้นจากการข่มขู่ คุกคาม หรือฟ้องดำเนินคดีผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบและกิจกรรมทางพลเมืองโดยทั่วไป และ ในข้อที่ 8 มีการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ไขกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การเลือกตั้ง ยกตัวอย่างเช่น มาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ กฎหมายเกี่ยวกับยุยงปลุกปั่น

มติที่นำเสนอโดย Mr.Susan Wild ดังกล่าวยังระบุอย่างชัดแจ้งว่า หากมีการแทรกแซงโดยกองทัพหรือกษัตริย์ก่อน ระหว่าง หรือ หลังการเลือกตั้งทั่วไป ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จะกระทบต่อความเป็นทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และประเทศไทย รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแก่ประเทศไทย นี่ยังไม่รวมถึงการแทรกแซงถึงเรื่องยุยงปลุกปั่นให้ไทยกับพม่ามีปัญหาระหว่างประเทศ

จากสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดข้างตัน เครือข่ายคนเชียงใหม่รักในหลวงมีความรู้สึกไม่สบายใจ ที่มิตรประเทศของเรากำลังเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยในลักษณะก้าวก่าย,ครอบงำ และกดดันให้ประเทศไทยทำตามที่สหรัฐอเมริกาต้องการให้เป็น ซึ่งระเบียบและกฎเกณฑ์กติกาสากล มีการระบุไว้ชัดเจนว่าแต่ละประเทศมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง ดังนั้น ทางเครือข่ายคนเชียงใหม่รักในหลวง จึงขอเป็นตัวแทนของประชาชนชาวเชียงใหม่ที่รักและหวงแหนใน 3 สถาบันหลักของชาติ เพื่อให้ประเทศสหรัฐอเมริกาทบทวนบทบาทที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้

เวลาต่อมานายเรย์มอน มอร์ทัล กงสุลสหรัฐประจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกมารับหนังสือ พร้อมระบุว่า เข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยและจะไม่มีการแทรกแซงระบบการปกครองและการเลือกตั้งในประเทศไทย และจะนำจดหมายเปิดผนึกของทางกลุ่มฯ ส่งไปยังเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยต่อไป
การเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนในครั้งนี้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ก่อนที่ผู้ร่วมชุมนุมจะแยกย้ายเดินทางกลับ