จากกรณีสหรัฐอเมริกาเข้ามาแทรกแซงการเมืองระหว่างจีนกับไต้หวันอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการร่วมซ้อมรบ ซึ่งแสดงท่าทีต่อต้านจีน ขณะที่อีกฝ่ายก็ต้องออกมาแสดงแสนยานุภาพทางทหารเพื่อตอบโต้ด้วยนั้น
ทั้งนี้ต่อมา 26 พฤษภาคม 2566 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Blockdit ถึงท่าทีของผู้นำสหรัฐอเมริกาว่า “โจ ไบเดนแหลอีกแล้ว: ความสัมพันธ์กับจีนจะดีขึ้นในไม่ช้า
อย่างที่ผมเคยบอก อเมริกาไม่เคยยึดมั่นในพันธสัญญาใดๆ กับจีน คราวก่อนก็เคยยึดข้อตกลงในนโยบายจีนเดี่ยว แต่ลับหลังกลับพยายามแยกไต้หวันออกจากจีน
ด้วยเหตุนี้ ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนจึงไม่ยอมพบปะกับทูตานุทูตอเมริกา จะนัดคุยกับประธานาธิบดีต่อประธานาธิบดีก็ไม่ได้ จะนัดคุยระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมด้วยกันก็ยังทำไม่ได้ เพราะจีนเห็นว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่จะถกกับอเมริกา ถกแล้ว อเมริกาก็ไม่เคยรักษาสัญญาใดๆ เลย
ตอนนี้ โจ ไบเดน หวังว่าจะนัดคุยกับสีจิ้นผิงได้ จึงออกมาบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอเมริกาจะดีขึ้นในไม่ช้า โกหกตอแหลครับ
รัฐบาลจีนไม่เคยแสดงความสนใจอยากจะพบกับทูตานุทูตอเมริกาเลยในช่วงนี้แม้แต่น้อย ตรงข้าม จีนมีแต่จะเดินหน้าทำคะแนนพัฒนาความสัมพันธ์กับนานาชาติเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันต่อไปไม่หยุดยั้งต่างหาก”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้พบว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566 ดร.ปฐมพงษ์ ยังได้โพสต์ถึงท่าทีของผู้นำจีน ภายหลังจากที่มีรายงานถึงผู้นำสหรัฐต้องการพบว่า “สีจิ้นผิงทำดี:ข่าวรอยเตอรส์บอกว่าสีจิ้นผิงไม่ตอบรับที่โจ ไบเดนอยากคุยโทรศัพท์ด้วย
ผมเคยเล่าหลายหนแล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ฝ่ายจีนจะคุยกับทูตอเมริกาทั้งหลายทั้งปวงหรือคุยกับประธานาธิบดีอเมริกา ส่วนใหญ่คุยกันพอเป็นพิธี คุยไปแล้วก็หยุดนโยบายรุกรานประเทศอื่นๆ ของอเมริกาไม่ได้ อเมริกาก็ยังหาทางรุกรานจีนอยู่ดีตามนิสัย
ทูตทั้งหลายของอเมริกาในแต่ละประเทศทำงานอย่างเดียวคือสร้างเครือข่ายและเก็บรวบรวมข้อมูลทางการเมืองและเศรษฐกิจที่จำเป็น หาช่องทางรุกรานหรือแสวงหาผลประโยชน์จากประเทศที่ตนอยู่ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มีข้อมูลสำคัญอะไรก็ส่งไปยังรัฐบาลกลาง
และน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ร่วมออกแบบวิธีจัดตั้งสงครามพันทางไล่รัฐบาลในแต่ละประเทศแล้วตั้งหุ่นเชิดตนเองขึ้นทำหน้าที่รัฐบาลแทนหากจำเป็นต้องทำด้วย”