อิหร่านพัฒนาศักยภาพทางทหารอย่างไม่หยุดยั้ง ทำสหรัฐฯและอิสราเอลอ้าปากค้าง เมื่อเปิดตัวขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ตะวันตกต่างตั้งข้อสงสัยว่าโม้มากกว่าทำได้จริง หรืออาจเพราะอิจฉาว่า เมกายังไม่กล้าเคลมว่าตัวเองมีมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกเหนือกว่าของรัสเซียและจีน แต่ความจริงเชิงประจักษ์พิสูจน์ว่าอิหร่านทำเองได้แล้ว แต่จะมีต้นแบบจากไหนไม่มีใครรู้เพราะอิหร่านไม่บอก
วันที่ ๒๖ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซนิมนิวส์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า พลเอกโมฮัมหมัด เรซา แอชเตียนี(Mohammad Reza Ashtiani) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิหร่าน เปิดตัวขีปนาวุธชนิดใหม่ชื่อ ‘ไคบาร์'(Kheiba) หรือ โครัมชาหร์ โฟร์(Khoramshahr 4) จัดเปิดตัวในวันพิธีฉลองครบรอบ 41 ปีของการปลดปล่อยเมือง Khorramshahr ทางตะวันตกเฉียงใต้ ครั้งปฏิวัติอิสลามในอดีต
ขีปนาวุธรุ่นนี้มีพิสัยยิงไกลกว่า ๑,๒๐๐ ไมล์ ประมาณ ๒,๐๐๐ กิโลเมตร และบรรทุกน้ำหนักได้ ๑.๕ ตัน
ขีปนาวุธประเภท Khorramshahr เป็นที่รู้จักในด้านระบบนำทางและการควบคุมที่ไม่เหมือนใครในช่วงการบินพิสัยกลาง
คุณลักษณะนี้ช่วยให้ขีปนาวุธสามารถควบคุมและปรับวิถีโคจรนอกชั้นบรรยากาศของโลก และปิดใช้งานระบบนำทางเมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้มีภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์ต่อการโจมตีด้วยสงครามอิเล็กทรอนิกส์
ระบบควบคุมขั้นสูงนี้ หัวรบของขีปนาวุธ Kheibar ไม่ต้องการการจัดวางแบบปีกบางแบบทั่วไป ซึ่งจะทำให้ขีปนาวุธสามารถบรรจุระเบิดที่หนักกว่าได้
การใช้เชื้อเพลิงที่จุดไฟได้เอง (ไฮเปอร์โกลิก) และการไม่มีความจำเป็นต้องฉีดเชื้อเพลิงและการจัดตำแหน่งแนวนอนหลังจากช่วงการปรับแนวดิ่งทำให้เวลาปล่อยของ Kheibar ลดลงเหลือน้อยกว่า ๑๒ นาที
เครื่องยนต์ที่ทรงพลังทำให้ ขีปนาวุธ Kheibar จึงมีแรงกระแทกที่เหนือชั้น โดยสามารถรับแรงกระแทกสูญญากาศหรือ ground impact force ถึง ๒๘๐ และแรงปะทะในสุญญากาศหรือ vacuum impact forceที่ ๓๐๐ วินาที ความเร็วสูงที่หัวรบกระทบกับเป้าหมายที่กำหนดจะป้องกันระบบป้องกันภัยทางอากาศของศัตรูจากการตรวจจับ ติดตาม และดำเนินการเพื่อยิงขีปนาวุธ
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังช่วยให้ขีปนาวุธทำความเร็วได้ถึง ๑๖ มัคนอกชั้นบรรยากาศและ ๘ มัคในชั้นบรรยากาศ
ตามรายงานของสำนักข่าว IRNA ของอิหร่าน จรวดต้องใช้เวลาค่อนข้างน้อยในการเตรียมพร้อมสำหรับการปล่อย ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้เป็นทั้งอาวุธเชิงกลยุทธ์และยุทธวิธีด้วย
รัฐมนตรีกลาโหมของประเทศ ซึ่งเข้าร่วมพิธีเปิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมากล่าวว่า “ขีปนาวุธไคบาร์ (Kheibar) เป็นผลมาจากความพยายามที่ยาวนานหลายปีขององค์การอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ (AIO) เจ้าหน้าที่ยังระบุด้วยว่าจรวด สามารถเจาะเกราะป้องกันทางอากาศของข้าศึกได้ด้วยอุปกรณ์หลบเลี่ยงเรดาร์บนจรวด”
แอชเตียนีชี้ให้เห็นว่าเตหะรานกำลัง “ดำเนินการเพื่อจัดเตรียมกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ต่างๆ ทั้งขีปนาวุธ โดรน การป้องกันทางอากาศ ” พร้อมเปิดเผยระบบอาวุธอื่นๆ ต่อสาธารณชนต่อไป
ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อมิราลี ฮาจิซาเดห์ (Amirali Hajizadeh) หัวหน้ากองกำลังการบินและอวกาศของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน ประกาศว่า สาธารณรัฐอิสลามมีขีปนาวุธร่อนที่มีระยะ ๑,๖๕๐ กิโลเมตร คิดเป็นประมาณ ๑,๐๒๕ ไมล์ ในการยิง สถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่านรายงานในเวลานั้นว่าจรวดนี้มีชื่อว่า ปาเวห์(Paveh)
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่คนเดียวกันเปิดเผยว่าเตหะรานได้พัฒนาขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ซึ่งสหรัฐฯ ตอบโต้ด้วยความสงสัยไม่เชื่อว่าผลิตได้จริง
เชื่อกันว่าในปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ประเทศ เช่น สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ที่มีเทคโนโลยีที่จำเป็นในการสร้างอาวุธขั้นสูงดังกล่าว
แต่อิหร่าน ได้พัฒนาขีดความสามารถด้านขีปนาวุธอย่างแข็งขันตั้งแต่ทศวรรษ ๑๙๘๐ ในขณะที่สหรัฐฯและบางประเทศในยุโรปแสดงความกังวลซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับโครงการของสาธารณรัฐอิสลาม เตหะรานยืนยันว่าความพยายามในภาคสนามนั้นมีลักษณะเป็นการป้องกันตัวเอง ไม่ใช่การรุกรานใคร
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม อยาตอลเลาะห์ เซยิด อาลี คาเมเนอี เรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เตหะรานพยายามรักษาและเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของตน ตอบโต้ศัตรูที่คุกคามโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติของประเทศ และพยายามโค่นล้มการนำของรัฐบาลชุดปัจจุบัน