จากที่มีการประชุมกลุ่มประเทศจี7ที่ญี่ปุ่น ซึ่งมีแกนนำหลายประเทศเข้าร่วม มีประเด็นการพูดคุยที่สำคัญ ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลออกมาถึงสถานะปัจจุบันเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับกลุ่มเศรษฐกิจอย่างกลุ่มบริกส์ โดยมีเรื่องสำคัญเผยแพร่อยู่ด้วย
ล่าสุดวันที่ 21 พฤษภาคม 2566 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีกลุ่มจี7 ที่มีนัยยะสำคัญว่า “วันเดียวกัน เกิดเหตุการณ์ ๓ อย่าง:
๑.กองทัพรัสเซียยึดบัคมุตได้แล้ว ตามที่ผมประเมินเอาไว้นานแล้ว เพราะเห็นว่ายูเครนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรัสเซีย แม้นาโต้จะมาช่วยก็ไม่ได้ทำให้รัสเซียแพ้
ความจริงรัสเซียน่าจะยึดบัคมุตได้เร็วกว่านี้ ดูภาพรวมแล้ว กองทัพรัสเซียน่าจะค่อยๆ ตีมากกว่า ไม่ได้เร่งรีบ คงอยากให้นาโต้เลือดไหลออกมามากไปด้วยแน่ ๒.จีนจัดประชุมกับผู้นำประเทศเอเซียกลางเพื่อขยายการพัฒนาเศรษฐกิจบนเส้นทางสายไหมใหม่ ทุกประเทศที่เข้าประชุมชื่นมื่น ร่วมมือกับจีนเต็มที่
๓.กลุ่ม G7 จัดประชุมเหมือนกันที่เมืองฮิโรชิม่าของญี่ปุ่น โดนชาวญี่ปุ่นจำนวนมากประท้วงไล่ หัวข้อเจรจาคือ ก.คว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม ข.แถลงข่าวประณามว่านิวเคลียร์ของจีนเป็นภัยต่อชาวโลก (แต่นิวเคลียร์ของอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศสและอิสราเอลไม่เป็นไร) ไม่มีอะไรสร้างสรรค์นัก
โจ ไบเดนแผ่วไปเยอะครับเพราะ ก.มีปัญหาหนี้สินภายในประเทศยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะเพิ่มเพดานหนี้ยังไง ข.พ่ายแพ้สงครามที่ยูเครน ค.คะแนนนิยมลดลงสมัยก่อน ชาตินักล่าอาณานิคมปล้นสะดมภ์ประเทศต่างๆ ขนทรัพยากรประเทศอื่นๆ มาพัฒนาประเทศตนเองจนเจริญรุ่งเรือง แต่ตอนนี้ ปล้นไม่ได้เหมือนก่อนแล้ว เพราะมีจีนและรัสเซียคอยช่วยประเทศเล็กๆ อยู่
เมื่อชาตินักล่าอาณานิคมเหล่านี้ ปล้นทรัพยากรประเทศอื่นๆ ไม่ได้มากเป็นกอบเป็นกำเหมือนก่อนก็ไม่มีวัตถุดิบป้อนตลาดอุตสาหกรรมของตน อุตสาหกรรมในประเทศพวกนี้จึงค่อยๆ ซบเซาลงกลายเป็นยุคทองของประเทศเอเซียที่มีรัสเซียและจีนนำซึ่งมีทรัพยากรอยู่อย่างพร้อมมูล แถมยังเป็นครัวของโลกอีกต่างหาก ด้วยประการฉะนี้”
“ประชาชนในกลุ่ม G7 ยากจนลง:กำลังซื้อของประชาชนในประเทศกลุ่มBRICS สูงขึ้นเพราะเมื่อค้าขายระหว่างกันโดยไม่มีรัฐบาลบ้าที่ไหนมาคว่ำบาตร รายได้ก็เป็นกอบเป็นกำ ประชาชนก็มีรายได้ต่อเนื่องเพราะคู่ค้าคือประเทศในกลุ่ม BRICS ด้วยกัน มีกติกาการค้าขายชัดเจน ถ้าเบี้ยวกันมาก็นำมาเข้าที่ประชุมได้
ส่วนกำลังซื้อประชาชนในประเทศ G7 ซึ่งคว่ำบาตรประเทศอื่นไปทั่วได้ตามอำเภอใจ หลายประเทศคว่ำบาตรดอลลาร์กลับคืนและหลายประเทศเลิกทำมาค้าขายด้วย มุ่งหันมาทำมาค้าขายกับกลุ่มประเทศ BRICS แทน ประชาชนในประเทศ G7 จึงจนลง กำลังซื้อประชาชนจึงลดลงไปเรื่อยๆ”
“GDP ของจีนเท่ากับจีดีพีของอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แคนาดาและญี่ปุ่นรวมกัน”
