‘เมฆกัมมันตภาพรังสี’ คุกคามยุโรปตะวันตก หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยรัสเซีย ได้เตือนถึงอันตรายที่คืบคลานสู่ชีวิตของคนยุโรป เกิดจากอาวุธยุทโธปกรณ์ยูเรเนียมที่อังกฤษส่งให้ยูเครนไปใช้สู้รบกับรัสเซีย ได้ถูกทำลายในยูเครนในการบุกทางอากาศครั้งล่าสุดของกองทัพรัสเซีย
วันที่ ๒๑ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า นิโคลาย ปาตรูเชฟ(Nikolay Patrushev) เลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย กล่าวว่า การทำลายเปลือกยูเรเนียมในยูเครนได้ก่อให้เกิดเมฆกัมมันตภาพรังสีซึ่งถูกพัดพาไปยังยุโรปตะวันตก สหราชอาณาจักรได้จัดหายุทโธปกรณ์ประเภทนี้ให้กับยูเครนเพื่อใช้ในการยิงจากรถถัง Challenger ที่ผลิตโดยอังกฤษมุ่งหมายทำลายชีวิตทหารรัสเซีย
เจ้าหน้าที่อาวุโสรายนี้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวในระหว่างการประชุมของรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าสหรัฐฯเป็นชักใยพันธมิตรของตนเพื่อให้ “ ความช่วยเหลือ”แก่ประเทศอื่นๆและส่งผลให้ผู้รับได้รับอันตรายซะเอง
Patrushev กล่าวว่า “พวกเขา ‘ช่วย’ ยูเครนด้วยวิธีนี้เช่นกัน ใช้แรงกดดันไปยังดาวเทียมของตนเพื่อจัดหายุทโธปกรณ์ยูเรเนียมที่หมดแล้ว การทำลายของพวกเขาส่งผลให้เมฆกัมมันตภาพรังสีเคลื่อนที่ไปทางยุโรปตะวันตก พวกเขาตรวจพบรังสีที่เพิ่มขึ้นในโปแลนด์”
รายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันแพร่สะพัดในยูเครน เกี่ยวกับเป้าหมายการโจมตีของรัสเซียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งมอสโกว์กล่าวว่าได้ทำลายคลังกระสุนในเมืองคเมลนิตสกี สถานที่ทางทหารถูกใช้เพื่อเก็บกระสุนยูเรเนียมที่เสื่อมแล้วซึ่งจัดหาให้โดยอังกฤษ มีคนแนะนำว่าวัสดุที่ถูกทำลายอาจกลายเป็นฝุ่นโดยการระเบิดอย่างรุนแรงที่โรงเก็บ
ก่อนหน้านี้ รัสเซียเตือนว่าการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ยูเรเนียมที่หมดแล้วก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขในระยะยาว จากการศึกษาในประเทศต่างๆ เช่น เซอร์เบียและอิรัก ซึ่งเคยใช้อาวุธดังกล่าวมาก่อน ลอนดอนปฏิเสธความเสี่ยงดังกล่าว
แม้ว่าจะมีกัมมันตภาพรังสีเพียงเล็กน้อย แต่ยูเรเนียมที่หมดลงนั้นถือว่ามีความเสี่ยงต่อสุขภาพเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากวัสดุดังกล่าวเป็นโลหะหนักที่เป็นพิษ อนุภาคของยูเรเนียมหรือยูเรเนียมออกไซด์ที่เกิดจากการระเบิดอาจถูกสูดดมโดยใครก็ตามที่สัมผัสเข้าไป หรือทำให้สิ่งแวดล้อมปนเปื้อน
ทางการโปแลนด์ปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าตรวจพบรังสีพุ่งสูงขึ้นในเมืองลับบลินทางตะวันออกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
การคาดเดาเกี่ยวกับการระเบิดใน Khmelnitsky ได้รับแรงหนุนจากรายงานการใช้หน่วยลาดตระเวนทางทหารของยูเครนที่ถูกกล่าวหาว่าเก็บตัวอย่างในและรอบเมือง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้งอยู่ใกล้ๆ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กล่าวยืนยันว่า สหรัฐฯ กำลังพัฒนาและใช้อาวุธเคมีอยู่แล้ว รวมทั้งในดินแดนของยูเครน ตะวันตกตั้งใจที่จะเปลี่ยนยูเครนเป็น ‘หลุมฝังกลบกัมมันตภาพรังสี’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ‘การยกระดับอย่างสุดกำลัง’แต่ทิศทางลมไม่เป็นใจตอนนี้เลยกำลังรับผลกระทบโดยตรงอย่างไม่คาดฝัน
สำหรับอังกฤษเองกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจขนานใหญ่ไม่น้อยหน้ากับสหรัฐฯ
กาย แฮนด์(Guy Hands) นักการเงินชื่อดังของอังกฤษกล่าวฟันธงว่า สหราชอาณาจักรหากไม่เปลี่ยนแปลงจะยากจนกว่าโปแลนด์ในไม่ช้า
เขามองว่าเบร็กซิททำให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรอ่อนแอลงและขับเคลื่อนประเทศไปสู่“สังคมผู้สูงอายุ”นักการเงินชาวอังกฤษและประธาน บริษัท หุ้นเอกชน Terra Firma กล่าวกับ Bloomberg เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ตั้งแต่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักรก็แข่งขันในเวทีโลก แต่กฎหมายปัจจุบันของประเทศไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมใหม่ หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง สหราชอาณาจักรจะมีความเสี่ยงที่จะยากจนลงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป
เขากล่าวว่า “ผมมองไปที่สหราชอาณาจักรและเห็นว่าในปี ๒๐๓๐ โปแลนด์จะมั่งคั่งกว่าที่เราเป็นและในปี ๒๐๔๐ เราจะเป็นคนจนในยุโรป” เขาคร่ำครวญว่า Brexit ทำให้ประเทศต้องย้อนกลับไปเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว เป็นทศวรรษที่ผู้คนจดจำกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นช่วงเวลาแห่งวิกฤต ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น การว่างงานสูง การนัดหยุดงาน และการตัดไฟ
สถานการณ์เศรษฐกิจเวลานี้ ดูเหมือว่าสิ่งนั้นกำลังย้อนกลับคืนอีกครั้งด้วยนโยบายต่างประเทศที่ตามก้นวอชิงตัน