จากที่ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐพยายามเข้ามาขอตั้งฐานทัพในชาติอาเซียน ซึ่งหลายชาติต่างปฏิเสธ หนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย ขณะที่กระแสข่าวหลังเลือกตั้งปรากฏถึงการเทขายพันธบัตร รวมทั้งตลาดหุ้นที่ตกลงมาหลายวันติดต่อกัน
ล่าสุดวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจและชวนติดตามว่า “สหรัฐ มียุทธศาสตร์ อินโด-แปซิฟิค ฉายากลุ่มสงคราม NATO-2 เพื่อปิดล้อมและทำสงครามกับจีนที่ไต้หวัน และทะเลจีนไต้ เป้าหมายคือภายในปี 2568
ชาติที่เข้าร่วม คือ สหรัฐ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มลฑณไต้หวันของจีน และที่สหรัฐ เพิ่งหาเพิ่มได้อีกคือ ฟิลิปปินส์
โดยพยายามดึงอินโดนีเซีย ไทย อินเดีย เข้าร่วมมาหลายปีแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากไทยใช้นโยบาย ไผ่ลู่ลม (Bamboo Diplomacy) เป็นกลางกับมหาอำนาจทุกฝ่าย เน้นเศรษฐกิจมากกว่าความมั่นคง รักทุกคน ไม่เป็นปฏิปักษ์กับใคร
พฤษภาคม 2566 นายพลเจมส์ แมคคอนวิลล์ เสนาธิการกองทัพบกสหรัฐ ถูกส่งให้เดินทางไปประชุมกับ นายปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย เพื่อทาบทามโน้มน้าวขอตั้งฐานทัพและการร่วมมือทางทหาร
หวังปิดล้อมจีนทางทหารและจำกัดการเติบโตของจีน โดยสหรัฐ อ้างว่าเขามีเพื่อนมากมายในภูมิภาคนี้ และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อจะนำสันติภาพมาสู่ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
แต่ทางอินโดนีเซีย รู้ทันจึงยืนยันว่า จะรักษาความเป็นกลาง ตามนโยบายไผ่ลู่ลม และจะดำเนินการสานสัมพันธ์กับทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะมหาอำนาจสำคัญทั้งหมด
วิเคราะห์ว่าไม่นานจากนี้จะมีการเปิดสำนักงาน NATO-2 ที่ญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนสหรัฐ ในยุทธศาสตร์อินโด แปซิฟิค และ Quad ในการต่อต้านทางทหารต่อจีน
อินโดนีเซีย ใช้นโยบายต่างประเทศไผ่ลู่ลม ปฏิเสธสหรัฐ ในการตั้งฐานทัพและความร่วมมือทางทหารที่เข้มข้นแบบฟิลิปปินส์ ดังนั้นสหรัฐ อังกฤษ จะส่งกองเรือรบ และทหารมุ่งมาทะเลจีนใต้ จำนวนมากขึ้น
ต้องพยายามมาทาบทามชาติอาเซียนในการตั้งฐานทัพทางทหาร ชายทะเล เพื่อประจำการขีปนาวุธพิสัยกลาง เมื่อรัฐบาลชาติใด ประกาศ ยกเลิกนโยบายต่างประเทศไผ่ลู่ลมก็เป็นการเปิดประตูบ้าน สอดรับกับสหรัฐ มาตั้งฐานทัพเตรียมทำสงครามกับจีน รัสเซีย
ฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียว สหรัฐ จะใช้วิธีการนี้ในการเชิดผู้นำชาติที่ละทิ้งนโยบายเป็นกลาง เพื่อสร้างสถานการณ์สงคราม บีบบังคับให้คว่ำบาตร กีดกัน ต่อต้านฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้ว รัสเซีย จีน และตามด้วยการขายอาวุธแบบยูเครน
ผลคือ 2 มหาอำนาจโลกตะวันออก และพันธมิตรซาอุฯ ตะวันออกกลาง จะระงับการลุงทุนในประเทศนั้น โดยจะมีสัญญาณจากตลาดเงินตลาดทุน จะมีการเทขายหุ้นเอกชน จนร่วงระเนระนาดก่อนสินทรัพย์ด้อยค่าไประนาว
แล้วตามด้วยกองทุนต่างๆ ทั่วโลก รุมเทขายพันธบัตรรัฐบาลชาตินั้น แต่ละวันอ่วมหลายหมื่นล้านบาท เป็นสัญญาณว่าประเทศนั้นจะวุ่นวายและเกิดสงครามตามมา
จากนั้นจะเกิดติดขัดซัพพลายเชน การขาดแคลนพลังงาน และ วัตถุดิบในการผลิตภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจ อุตสาหกรรม จะอยู่ไม่ได้ และเริ่มทยอยปิดกิจการ หนีจากไปประเทศอื่น
เกิดผลกระทบต่อสินค้าเกษตร ผลไม้ส่งออก และความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ จะเกิดความขัดแย้งจากนโยบายแข็งกร้าว และแทรกแซงเพื่อนบ้าน นำไปสู่สงครามต่อกันในที่สุดในอาเซียน อินโดนีเซีย เอาตัวรอดไปแล้วโดยขอเป็นกลางไผ่ลู่ลม ประเทศไหนจะเป็นเป้าหมายตั้งฐานทัพสหรัฐ ยอมเป็นยูเครน 2 และเซเลนสกี้ 2 อีกไม่นานจากนี้เละแน่นอน”
