มากันครบหน้าเมกาและพรรคพวก ในการประชุม G7 ที่ฮิโรชิมา,ญี่ปุ่น โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่มีแผนที่จะกล่าวคำขอโทษในนามของสหรัฐฯ จากการใช้ระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา-นางาซากิ ในปี ๒๔๘๘ สงครามโลกครั้งที่สอง
ตามคำกล่าวของเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ไบเดน หนึ่งในผู้นำจี๗ จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด ๓ วันของกลุ่มประชาธิปไตย
เครื่องบินของผู้นำสหรัฐฯ จะลงจอดที่ฐานทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ ในเมืองอิวาคุนิ ซึ่งอยู่ห่างจากฮิโรชิมาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว ๕๐ กิโลเมตร ในบ่ายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เขาจะเป็นประธานาธิบดีคนที่ ๒ ของสหรัฐฯ รองจากบารัค โอบามา ซึ่งเยือนเมืองที่ถูกทำลายล้างจากการโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกโดยสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒
แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเต็มใจเป็นพรมเช็ดเท้าให้วอชิงตัน แต่ประชาชนไม่ลืมความเจ็บปวดที่ได้รับครั้งระเบิดลง คนตายนับแสน จนถึงวันนี้หลายฝ่ายยังงงว่า ทำไมสหรัฐฯทิ้งบอมบ์ลงเกาะที่มีแต่ประชาชนไม่มีกองทัพญี่ปุ่นตั้งอยู่
วันที่ ๒๐ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและโกลบัลไทมส์รายงานว่า การประชุมสุดยอด G7 เปิดขึ้นที่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น ท่ามกลางกระแสการประท้วง ของประชาชนญี่ปุ่น การประชุมครั้งนี้เป็นเพียง ฉากใหญ่สำหรับการเผชิญหน้าของ Biden กับจีนอย่างเปิดเผย
Protests in Hiroshima against US🇺🇸 President Joe Biden’s visit for the G7 Summit. Biden refuses to apologise for the US using a nuclear bomb on the city in 1945, which killed 140,000 people. After the bombing, the US covered up the effects of radiation on the population by… pic.twitter.com/usauojFtEZ
— Going Underground (@GUnderground_TV) May 19, 2023
ผู้ประท้วงชุมนุมรอบสถานที่ประชุมสุดยอด พร้อมตะโกนคำขวัญ เช่น “พวกจักรวรรดินิยมสหรัฐ ผู้ก่อการร้ายอันดับหนึ่ง!” และ “หยุดพันธมิตรนาโต้!”
ผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันที่สวนฟูนาอิริ ดาอิชิ (Funairi Daiichi) ในเมืองฮิโรชิมา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่จัดการประชุมสุดยอด เพื่อประณามกลุ่มผู้ชี้นิ้วที่โฆษณาระเบียบโลกในรูปแบบของตนเอง
ในสถานที่ดังกล่าวมีป้ายและป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “Junk G7” “ไม่ก่อสงคราม” และ “ไม่สนับสนุนพันธมิตรทางทหารญี่ปุ่น-สหรัฐฯ” และอื่น ๆ อีกมากมาย
กลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวกันรอบสถานที่ประชุมสุดยอด พร้อมตะโกนคำขวัญ “พวกจักรวรรดินิยมสหรัฐ ผู้ก่อการร้ายอันดับหนึ่ง!” “หยุดโกหก!” “หยุดสงคราม!” “หยุดพันธมิตร QUAD!” และ “หยุดพันธมิตรนาโต้!”
ในบรรดาผู้ประท้วงมีโคดี เออร์บัน สมาชิกกลุ่มพลเมืองต่อต้านสงครามของสหรัฐฯ กล่าวว่าการประชุมสุดยอด G7 ที่นำโดยสหรัฐฯ เป็น “การซ่องสุมของประเทศร่ำรวย” ที่สร้างความตึงเครียด
ชายวัย 32 ปีซึ่งเดินทางมาไกลจากบ้านเกิดในรัฐโอเรกอนของสหรัฐฯ กล่าวว่า“มันสำคัญสำหรับเราในฐานะคนอเมริกันที่จะต้องมาที่นี่และบอกว่าคนของเราไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับรัฐบาลสหรัฐฯ” “เราร่วมกันต่อต้านวาระของ G7 เนื่องจากเป็นวาระของรัฐบาลที่ร่ำรวย ไม่ใช่วาระเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพ”
มีการประท้วงและการชุมนุมในหลายสถานที่ในฮิโรชิมาและเมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่น เนื่องจากผู้คนจากทั้งในและต่างประเทศพากันออกมาที่ถนนเพื่อต่อต้านการประชุมในปีนี้
นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของ G7 ได้เลือกเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม G7 ที่เมืองฮิโรชิมาเพื่อแสดงจุดยืนรับใช้วอชิงตันอย่างสุดลิ่ม เป็นนายหน้าชักนำนาโต้ผนึกควอดกลายเป็นนาโต้เอเชียอย่างเต็มรูปแบบ
เจมส์ แบรดลีย์ นักเขียนและนักประวัติศาสตร์ขายดีของเอเชียและอินโดแปซิฟิก(best-selling author and historian of Asia and the Indo-Pacific James Bradley)กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ระเบิดใส่ปักกิ่งอาจครอบงำการประชุมสุดยอด G7 ที่ฮิโรชิมา แต่สิ่งนี้จะถูกลืมทันทีที่เขาบินกลับบ้าน เมื่อปัญหาผิดนัดชำระหนี้รออยู่
“มี ๙๐ ประเทศที่จะเดินทางไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในเดือนหน้า ทุกคนต้องการเข้าร่วม BRICS” แบรดลีย์ชี้ให้เห็น “ดังนั้นแถลงการณ์ที่พวกเขาจะออกในที่ประชุม G7 คือเราต้องระวังการรุกรานทางเศรษฐกิจของจีน”
ความน่าเชื่อถือของ Biden ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับความเสียหายจาก “การรุกรานทางเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลของเขาในการยึดทรัพย์สินและการเงินมูลค่าหลายร้อยล้านของรัสเซียหลังจากเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน “ดังนั้น เมื่อประเทศในเอเชียพูดว่า ‘ลาก่อน ท่านประธานาธิบดี’ และเขาจากไป พวกเขาก็จะหันไปหาจีนนั่นคือคู่ค้าอันดับหนึ่งของพวกเขา” สิ่งนี้มีนัยสำคัญอย่างที่สุด
ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังวาดภาพจีนว่าเป็นภัยคุกคามเพื่อสร้างความชอบธรรมในการละทิ้งข้อบังคับด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ตามรัฐธรรมนูญหลังสงครามโลกครั้งที่ สอง เพียงเพื่อป้องกันตนเอง แต่นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าอันตรายที่แท้จริงมาจากสหรัฐฯ
แบรดลีย์เน้นย้ำว่า “ชาวญี่ปุ่นทุกคนอาศัยอยู่ภายในระยะ ๘๐ กิโลเมตรจากทหารอเมริกัน ชาวอเมริกัน ลองถามตัวเองดูว่าทำไมเราถึงต้องการทหาร ๕๕,๐๐๐ นาย ผู้ติดตาม ๔๕,๐๐๐ คน” “เหตุใดเราจึงต้องมีชาวอเมริกัน ๑๐๐,๐๐๐ คนเพื่อยึดครองญี่ปุ่น ภัยคุกคามทางทหารต่อญี่ปุ่นมาจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นต้องแสดงความเคารพและกล่าวว่า ‘เราจะเพิ่มงบประมาณทางทหารของเราเป็นสองเท่าและซื้ออุปกรณ์ของ Lockheed เพิ่ม ครับท่าน'”
แบรดลีย์กล่าวว่า”ประเทศเดียวที่พูดเรื่องสงครามกับจีนคืออเมริกา ประเทศในเอเชียต้องการค้าขายกับจีน”
“พวกเขาไม่ต้องการเป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม พวกเขาไม่ต้องการให้เมืองของพวกเขาดูเหมือนซานฟรานซิสโก พวกเขาไม่ต้องการให้มีประชากรแตกแยกเหมือนสหรัฐอเมริกา พวกเขาต้องการเป็นเหมือนสิงคโปร์ พวกเขาต้องการ การค้า” “มีเสรีภาพในเอเชียมากกว่าอเมริกา มีอิสระที่จะเดินไปตามท้องถนนในเวลา ๔ทุ่มยามค่ำคืนอย่างปลอดภัย ” นั่นหมายถึงอเมริกากำลังจะทำให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนไปใช่หรือไม่ ประชาชนต้องการเช่นนั้นจริงหรือ???