ฟินแลนด์และเดนมาร์กฟ้องสื่อว่าบัญชีธนาคารของสถานทูตทั้งสองประเทศในรัสเซียถูกระงับและในขณะนี้ไม่สามารถใช้ได้ สถานทูตและสถานกงสุลในรัสเซียต้องใช้เงินสดสำรองเพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ บัตรธนาคารของสถานทูตถูกปิดกั้น
ฟินแลนด์ได้ส่งหนังสือแจ้งทางการรัสเซียเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยขอให้รัสเซียรับรองความสามารถในการปฏิบัติงานของภารกิจ และขอให้มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการแช่แข็ง
ธนาคารกลางของรัสเซียไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นใดๆ เพราะทางการรัสเซียเตือนมาก่อนแล้ว
ฟินแลนด์ ซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซียอย่างยาวนานเข้าร่วม NATOอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๔ เมษายนที่ผ่านมา ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งประวัติศาสตร์ เดินตามวอชิงตันอย่างสุดลิ่มทั้งคว่ำบาตรรัสเซียทุกมาตรการและยึดทรัพย์สินเอกรัสเซียทีฝากไว้ เจอแค่นี้เพิ่งเริ่มต้น
วันที่ ๑๘ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า เปคคา ฮาวิสโต(Pekka Haavisto) รัฐมนตรีต่างประเทศฟินแลนด์เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า “รัสเซียสั่งระงับบัญชีคณะผู้แทนทางการทูตของฟินแลนด์ในดินแดนของตน บัญชีของสถานทูตฟินแลนด์ในกรุงมอสโกว์และสถานกงสุลใหญ่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กถูกระงับตั้งแต่วันที่ ๒๗ เมษายนที่ผ่านมา เขากล่าวเสริมว่าในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ฟินแลนด์ได้ติดต่อทางการรัสเซียเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้รับคำอธิบายใด ๆ
ขณะนี้คณะผู้แทนทางการทูตของฟินแลนด์จะต้องชำระเงิน เช่น ค่าเช่าและบิลเป็นเงินสด หรือผ่านธนาคารของรัสเซียที่ตกลงยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าว
Haavisto เสริมว่าการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานไม่ได้รับผลกระทบโดยจ่ายเป็นเงินสด และสถานทูตและสถานกงสุลฟินแลนด์จะยังคงดำเนินการในรัสเซียต่อไป
นักการทูตอาวุโสของฟินแลนด์กล่าวว่า การกระทำของรัสเซียเกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซียและภาคการธนาคาร
หนังสือพิมพ์ Helsingin Sanomat รายงานการระงับบัญชีทางการทูตของฟินแลนด์ในรัสเซียก่อนหน้านี้ อ้างถึงอีเมลจากกระทรวงต่างประเทศในกรุงเฮลซิงกิซึ่งอธิบายสถานการณ์ว่า”ร้ายแรง”อย่างยิ่ง
คณะผู้แทนทางการทูตของฟินแลนด์เข้าถึงบริการธนาคารอย่างจำกัด เรื่องนี้สำนักข่าว RIA Novosti รายงานโดยอ้างสถานทูตรัสเซียในกรุงเฮลซิงกิ ตามคำบอกเล่าของนักการทูตรัสเซีย มอสโกว์ได้เตือนเพื่อนบ้านหลายครั้งถึงการตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้น หลังจากที่ฟินแลนด์ระงับบัญชีของศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมรัสเซียที่ธนาคารแห่งชาติ Nordea ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรียกว่าทำเขาได้แต่พอเขาตอบโต้ก็โวยวาย รัสเซียถือเป็นมาตรการที่สมน้ำสมเนื้อ
ในช่วงปลายเดือนเมษายน ประธานาธิบดี ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกากำหนดกลไกสำหรับการยึดทรัพย์สินต่างประเทศในรัสเซียเป็นการชั่วคราว ในกรณีที่ประเทศ
นั้นๆ ยึดทรัพย์สินของเอกชนหรือรัฐบาลของรัสเซียในเขตอำนาจศาลของตน หรือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งด้านพลังงาน หรือเศรษฐกิจ ของรัสเซีย
ทรัพย์สินของรัฐและทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านยูโรที่เป็นของนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย ถูกแช่แข็งในสหภาพยุโรปตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์คว่ำบาตรมอสโกว์ การควบคุมชายแดนของรัสเซียเริ่มยกเลิกวีซ่าของพลเมืองฟินแลนด์ที่พยายามเข้ารัสเซียเพื่อไปจับจ่ายซื้อของและซื้อน้ำมันราคาถูกสำหรับรถยนต์ของพวกเขาด้วย
ก่อนหน้านี้ปลายเดือนเมษายน รัสเซียได้ออกกฤษฎีกาอนุญาตให้รัฐเข้ายึดทรัพย์สินชั่วคราวบริษัทของประเทศตะวันตกที่ยึดทรัพย์ของรัสเซียไปก่อนหน้านี้ กรณีบริษัทพลังงานของเยอรมนีและฟินแลนด์
เช่นกรณียึดทรัพย์ชั่วึคราว บริษัทยูนิโปรฯ(Unipro) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายพลังงานในรัสเซีย มีUniper SE ของเยอรมนีถือหุ้นอยู่ ๘๓% ในบริษัท ในขณะที่ Fortum Oyj ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลฟินแลนด์ควบคุมมากกว่า ๙๘% ของบริษัทย่อยในประเทศ โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ๑๑.๒ และ ๔.๗ กิกะวัตต์ตามลำดับ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการ“รับประกันว่าการดำเนินงานของบริษัทที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศรัสเซียจะไม่หยุดชะงัก และลดความเสี่ยงจากตำแหน่งทางการเมืองของประเทศที่ไม่เป็นมิตรจำนวนมากที่มีอิทธิพลต่อความมั่นคงของรัสเซีย”
เจ้าของเดิมจะถือว่าสูญเสียการควบคุมทรัพย์สินชั่วคราว แต่ไม่ถูกริบทันที มาตรการดังกล่าว“ช่วยรักษาบรรยากาศการลงทุนในรัสเซียและลดการไหลออกของเงินทุนจากประเทศ”
รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามที่จะยึดทรัพย์สินของรัฐและเอกชนของรัสเซียที่ถูกแช่แข็งภายใต้การคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับยูเครน และส่งมอบให้กับรัฐบาลในกรุงเคียฟ ความเคลื่อนไหวที่นักวิจารณ์กล่าวว่าจะเปลี่ยนธรรมชาติของการคว่ำบาตรจากเครื่องมือกดดันไปสู่การลงโทษอย่างเต็มขั้นซึ่งขัดต่อกฎหมายสากล แต่ดูเหมือนว่าสหรัฐฯเริ่มทำไปแล้ว
การตอบโต้ทางเศรษฐกิจ เมื่อประเทศไม่เป็นมิตรยึดทรัพย์สินของรัสเซีย รัสเซียจึงตอบโต้กลับอย่างเท่าเทียม และแถมด้วยมาตรการทางทหารที่เหมาะสมในการเตือนอย่างเข้มข้น
เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย กล่าวว่ารัสเซียกำลังใช้”มาตรการตอบโต้ที่เพียงพอและจะจัดตั้งหน่วยและกองพล ๑๒ กองพลในเขตทหารทางตะวันตกของตน” ด้านอเล็กซานเดอร์ กรึชโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า “เราจะเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของเราในทิศทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ ในกรณีที่กองกำลังและทรัพยากรของสมาชิก NATO รายอื่นๆ ถูกนำไปใช้ในฟินแลนด์ เราจะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจถึงความมั่นคงทางทหารของรัสเซีย” วันนี้จึงได้เห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถบรรทุกนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีนับโหลประจำการอยู่ชายแดนรัสเซียติดฟินแลนด์พร้อมลุย!!