นักลงทุนใหญ่ของสหรัฐ ชี้ว่าเวลาของเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะเป็นสกุลเงินยอดนิยม ‘กำลังจะสิ้นสุดลง’ เนื่องจากวอชิงตันขาดความเป็นกลางและมีความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ และวิตกกังวลความปลอดภัยของทรัพย์สินส่วนบุคคลอาจตกอยู่ในอันตรายหากไม่เป็นที่พอใจของวอชิงตัน

วันที่ ๑๗ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า จิม โรเจอร์ส นักลงทุนชื่อดังชาวอเมริกัน(American investor Jim Rogers)ฟันธงชัด “เพื่อนชาวอเมริกันหลายคนกำลังเคลื่อนไหว พยายามหาบางอย่างมาแข่งขันด้วยและท้ายที่สุดก็หาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่ามาแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ” “มันจะเกิดขึ้น เพราะมันเกิดขึ้นเสมอ และเวลาของอเมริกากำลังจะสิ้นสุดลง ดอลล่าร์ของอเมริกาในครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงเช่นกัน”
“ไม่มีสกุลเงินใดอยู่อันดับสูงสุดมากกว่า 150 ปี ไม่มีใครอยู่อันดับสูงสุดได้ตลอดไป ดังนั้นมันจึงเกิดขึ้นเสมอ” โรเจอร์สกล่าวย้ำว่า “ผู้คนได้ย้ายออกจากสกุลเงินใด ๆ ก็ตามที่ทำให้เขาไม่มั่นใจและไม่เชื่อถือ”
Rogers ชี้ให้เห็นว่าขณะนี้ประเทศต่างๆ กำลังเคลื่อนตัวออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก
“หลายคนเริ่มพูดว่า รอสักครู่ ผมไม่รู้ว่าเราต้องการใช้เงินนั้นไหม เพราะสักวันมันจะมีปัญหา อีกอย่าง สกุลเงินสากลของโลกควรจะเป็นกลางโดยสมบูรณ์ ใคร ๆ ก็สามารถใช้มันเพื่อสิ่งที่คุณต้องการ แต่ตอนนี้วอชิงตันกำลังเปลี่ยนกฎ และถ้าพวกเขาโกรธคุณ พวกเขาก็ตัดคุณออกเมื่อไหร่ก็ได้”
เขาเสริมว่า “การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อรัสเซีย กำลังเร่งให้ผู้คนมองหาบางสิ่งที่จะแข่งขันกับเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้แต่เพื่อนของอเมริกาก็ยังกังวลว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขาได้ ดังนั้นโลกจึงหมุนไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าที่คาด”
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัสเซียได้กระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนและใช้เงินสกุลหยวนเพื่อการค้า ในช่วงต้นเดือนเมษายน เงินหยวนเข้ามาแทนที่เงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในรัสเซีย และสกุลเงินของจีนยังคงเจาะตลาดอื่นๆ หลายแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศกลุ่มอ่าวอาหรับที่ประกาศใช้เงินหยวนในการซื้อขายพลังงาน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เปโตรดอลลาร์สูญเสียสถานะครองการผูกขาดสินค้าพลังงาน
โรเจอร์สกล่าวย้ำว่า “จนถึงตอนนี้ โลกยังไม่พบสิ่งที่จะมาแทนที่หรือแม้แต่แข่งขันกับเงินดอลลาร์” “แน่นอนว่าคุณคงคิดว่าสกุลเงินของจีน แต่ชาวจีนไม่อนุญาตให้คุณซื้อและขายสกุลเงิน มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ … แต่มิตรสหายของอเมริกาหลายคนกำลังเคลื่อนไหว พยายามหาสิ่งที่จะแข่งขันด้วยและท้ายที่สุดก็จะถูกใช้่แทนที่ดอลล่าร์สหรัฐฯ มันกำลังเกิดขึ้น”
“โลกกำลังพยายามเร่งให้ออกห่างจากดอลลาร์สหรัฐ และเห็นได้ชัดว่าประเทศที่ใหญ่กว่ามีอิทธิพลมากกว่ากำลังทำเช่นนั้น และมีเหตุผลมากกว่าที่จะทำให้เร็วกว่าประเทศอื่นๆอีกด้วย”
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวว่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าตั้งแต่เดือนตุลาคม๒๕๖๕ แต่ยังคงแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๓ ในเดือนเดียวกัน เดวิด มัลพาซซ์(David Malpass) ประธานธนาคารโลกกล่าวว่าการครอบงำของเงินดอลลาร์สหรัฐถูกตั้งคำถามโดยคู่แข่งเช่น เทคโนโลยี blockchain และเงินหยวนของจีนอย่างมีนัยสำคัญ
Rogers ระบุว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปีนี้หรือปีหน้าและลากยาวไปสี่ถึงห้าปี เขาย้ำว่า“ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ภาวะถดถอยกินเวลานานหนึ่งปี สองปี หรือสูงสุดสามปี แต่ครั้งนี้อาจจะกินเวลาสี่หรือห้าปี เพราะสหรัฐฯมีหนี้สูงมาก มาก มาก และถ้ามีสงคราม เกิดสงครามมากขึ้น มันจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนานขึ้นออกไปอีก”
ไม่ว่าไบเดนหรือเฟดจะปลอดใจสังคมว่า สหรัฐจะเผชิญเศรษฐกิจถดถอยไม่มากและอาจเกิดช่วงปลายปีนี้หรืออาจเป็นปีหน้า แต่ดูเหมือนว่าทั้งนักลงทุนและประชาชนอเมริกันไม่ได้คิดเช่นนั้น
ล่าสุดชาวอเมริกันร้อยละ ๘๐ ต่างเชื่อว่าการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ จะส่งผลให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลง ผลสำรวจความคิดเห็นของ Morning Consult เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังคงต่อรองเรื่องเพดานหนี้ของประเทศ แม้ว่าทุกคนหวังว่าปัญหานี้จะผ่านไปได้ในที่สุดก็ตาม
๗๕% คิดว่าการผิดนัดชำระหนี้จะนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอย และมีผลตอบแทนลดลงอย่างมากในตลาดหุ้น ตามมาด้วย ๗๒% ที่กล่าวว่าจะทำให้ประเทศสูญเสียสถานะในฐานะผู้นำทางการเงินในระดับสากล
แต่ ๓๙%ชาวอเมริกัน มองว่ามีโอกาสน้อยที่จะคิดว่าตนเองจะได้รับผลกระทบเป็นการส่วนตัวและเชื่อว่าการเจรจาจะผ่านไปได้ในที่สุด
ผู้ลงคะแนนเสียงจากทั้งสองฝ่ายมีความเห็นเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดของการผิดนัดชำระหนี้ ๗๙% ของพรรคเดโมแครตและ ๘๑% ของพรรครีพับลิกันและผู้ลงคะแนนเสียงอิสระเชื่อว่าเศรษฐกิจจะพังทลายหากตกลงกันไม่ได้แต่แก้ปัญหาช้าไป ขณะที่ ๗๗% ของพรรคเดโมแครต ๗๔% ของผู้ลงคะแนนอิสระ และ ๗๕% ของพรรครีพับลิกันกล่าวว่าพวกเขาคาดว่าตลาดหุ้นจะร่วงลงอย่างแน่นอน
แม้ว่าในที่สุดสองพรรคใหญ่ตกลงกันได้และยอมเปิดทางกู้หนี้ก้อนใหญ่มาถม แต่อาณาจักรแห่งหนี้ของสหรัฐนั้นย่อมมุ่งหน้าสู่การล่มสลายอย่างไม่อาจยับยั้งได้ นี่เป็นคำตอกย้ำของเปเป้ เอสโคบาร์ กูรูนักเศรษฐศาสตร์อีกของของสหรัฐฯ ที่ได้ออกหนังสือเปิดเผยความจริงของสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐว่ามาถึงจุดสิ้นสุดแห่งจักรวรรดิทุนนิยมได้อย่างไร???