จากที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่อเมริกาโอนถ่ายเงินที่ยึดจากหนึ่งในบรรดาผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจของรัสเซีย ป้อนเข้าสู่กองทุนสำหรับฟื้นฟูยูเครน
โดยรายงานถูกเปิดเผยต่อมาระบุวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมอร์ริค การ์แลนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุในถ้อยแถลงว่า เงินจำนวน 5.4 ล้านดอลลาร์ ที่ยึดจากคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ถูกส่งมอบไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อใช้ในการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากสงครามของรัสเซีย
ทั้งนี้มาโลเฟเยฟ ซึ่งสร้างความมั่งคั่งจากธุรกิจในภาคธนาคาร โทรคมนาคมและสื่อสารมวลชนถูกดำเนินคดีในเดือนเมษายน 2022 โดยสหรัฐฝ่ายเดียว ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับสงครามแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาสของยูเครนในปี 2014 ที่เมกาถือว่ารัสเซียให้การหนุนหลัง และการเข้ายึดไครเมียของรัสเซีย
สหรัฐฯ ระบุว่า มาโลเฟเยฟ คือแหล่งเงินทุนหลักของพวกแบ่งแยกดินแดนยูเครนที่ฝักใฝ่รัสเซีย นอกเหนือจากการดำเนินคดีแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้อายัดทรัพย์สินของ มาโลเฟเยฟ มูลค่า 5.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเงินที่เขาลงทุนในธนาคารแห่งหนึ่งในเทกซัส
ล่าสุดวันนี้ 13 พฤษภาคม 2566 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Blockdit ถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า “อเมริกาไล่ยึดทรัพย์เศรษฐีชาวรัสเซียในต่างประเทศ
ไปกันใหญ่แล้วครับ รัฐบาลอเมริกาสั่งให้บริวารยึดทรัพย์บรรดาเศรษฐีชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในยุโรปและอเมริกา รายแรกที่โดนยึดทรัพย์คือนาย Konstantin Malofeyev ซึ่งอเมริกายึดไป ๕.๔ ล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาเพื่อเอาไปให้ยูเครนบูรณะประเทศ
การใช้นโยบายแบบนี้ของอเมริกาจะทำให้เศรษฐีชาติต่างๆ ทั้งจีน ทั้งรัสเซีย ทั้งอินเดีย ฯลฯ ที่ไปลงทุนธุรกิจในอเมริกาหรือยุโรปผวาไปตามๆ กัน เพราะในอนาคตไม่แน่ว่ารัฐบาลอเมริกาจะสั่งยึดทรัพย์ใครอีก อาจจะทำให้นักธุรกิจระดับเศรษฐีจำนวนมากจากรัสเซีย จีน อิหร่าน อินเดีย ฯลฯ อพยพหนีอเมริกาตามมา
ต่อมาในวันเดียวกันนี้ ดร.ปฐมพงษ์ ยังโพสต์ถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในช่วงการสู้รบระหว่างยูเครนกับกองทัพรัสเซียด้วยว่า “ทหารยูเครน ๗ พันกว่านายสูญหาย:
นับแต่เกิดสงครามมา นอกจากรัฐบาลเซเลนสกีซึ่งมีรัฐบาลอเมริกาหนุนอยู่เบื้องหลังจะบังคับให้ผู้คนเกณฑ์ทหารแล้ว ยังพาทหารเหล่านี้ไปเสี่ยงตาย
ฝึกไม่กี่วันก็ส่งไปแนวหน้าเพื่อรบกับกองทัพที่มีประสบการณ์มากอย่างวากเนอร์และเชเชน ทำให้มีทหารจำนวนมากนับ ๗ พันกว่าคนสูญหายและรัฐบาลก็ให้คำตอบไม่ได้”