เมกา-นาโต้ประกาศตัวเปลี่ยนเกมอีกแล้ว เมื่ออังกฤษอาสาข้ามเส้นแดงส่งขีปนาวุธชั้นสูงให้ยูเครน แต่รัสเซียเตรียมรับอยู่แล้ว อาวุธตัวนี้ไม่ใช่ของใหม่สำหรับรัสเซีย ระบบขีปนาวุธของรัสเซียสามารถสกัดกั้นมาแล้วในสมรภูมิซีเรีย
วันที่ ๑๒ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า ระบบขีปนาวุธของรัสเซียสามารถสกัดกั้น Storm Shadows ของสหราชอาณาจักรได้ เพราะรัสเซียมีประสบการณ์ในซีเรีย เคยสอยหัวทิ่มมาแล้ว
อเล็กซีย์ ลีออนคอฟ(Alexey Leonkov) ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียชี้ให้เห็นว่า Storm Shadow เป็นขีปนาวุธต่อต้านเรือที่สามารถโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินได้
ระบบขีปนาวุธของรัสเซียได้รับการพิสูจน์ในซีเรียว่าสามารถทำลายขีปนาวุธ Storm Shadow ที่ลอนดอนกำลังส่งมอบให้กับเคียฟได้ บรรณาธิการของนิตยสาร Arsenal Otechestva Alexey Leonkov กล่าวกับ TASS เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าลอนดอนกำลังส่งขีปนาวุธร่อนสตอร์ม ชาโดว์พิสัยไกลไปยังเคียฟ ตามที่เขาพูดขีปนาวุธมีระยะยิงไกล ๒๕๐-๓๐๐ กิโลเมตร
ลีออนคอฟชี้ให้เห็นว่า Storm Shadow เป็นขีปนาวุธต่อต้านเรือที่สามารถโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินได้ ได้รับการพัฒนาเป็นทางเลือกให้แองโกลฝรั่งเศสแทน Tomahawk ที่ผลิตในสหรัฐฯ
“ระบบขีปนาวุธของเราเผชิญหน้าพวกเขาเป็นครั้งแรกระหว่างการโจมตีกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๑ ขีปนาวุธเหล่านั้นถูกยิงตกเรียบ”
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “เทคโนโลยีที่ขีปนาวุธใช้เรียกว่า ‘ยิงแล้วลืม’ ซึ่งเป็นไปตามเส้นทางที่วางไว้ ไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางได้ และขีปนาวุธไม่สามารถตั้งโปรแกรมให้ทำลายตัวเองได้ เมื่อมันไปถึงเป้าหมาย และโจมตี แต่ระบบ Buk and Tor ของเราที่ประจำการในซีเรียตรวจพบและทำลายมันมาแล้ว”
ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่าขีปนาวุธสามารถทำความเร็วได้สูงถึง ๘๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำการบินล่องหนและระดับความสูงต่ำ เช่น ตามชายป่า “ผมคิดว่าเที่ยวบินของโดรนยูเครนทุกลำที่สามารถเข้าถึงพื้นที่ Kaluga และ Ryazan ที่เรายิงตกนั้นมีเป้าหมายเพื่อทดสอบเส้นทาง หากขีปนาวุธนี้ถูกยิงในเส้นทางเดียวกัน ภัยคุกคามจะเติบโตอย่างมาก” ผู้เชี่ยวชาญอธิบายโดยเน้นว่า “ระบบขีปนาวุธไม่ได้ทรงพลังทั้งหมดและไม่สามารถสแกนป่าและพื้นที่โดยรอบได้ทั้งหมดจึงมีช่องโหว่”
Storm Shadow เป็นขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่ยิงทางอากาศ ซึ่งพัฒนาร่วมกันโดยสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส
พัฒนาร่วมกันโดย Matra และ British Aerospace และผลิตโดย MBDA Storm Shadow (ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า SCALP-EG) เป็นขีปนาวุธที่ขับเคลื่อนด้วยเทอร์โบเจ็ตที่แล่นด้วยความเร็วมัค ๐.๘ ถึงระยะสูงสุด ๕๖๐ กิโลเมตร
มันเป็นขีปนาวุธที่ค่อนข้างเล็ก ด้วยน้ำหนักเพียง ๑.๓ ตัน บรรจุหัวรบขนาดใหญ่หนัก ๔๕๐ กิโลกรัม (ในทางตรงกันข้าม ขีปนาวุธ Brahmos ของอินเดียมีน้ำหนัก ๒.๕ ตัน และมีหัวรบหนัก ๔๐๐ กิโลกรัม) Storm Shadow มีความยาว ๕.๑ เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำตัวสูงสุด ๔๘ ซม. และปีกกว้าง ๓ เมตร
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ กล่าวกับเครือข่ายข่าวตะวันตกว่าความสามารถใหม่นี้จะเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” สร้างความได้เปรียบให้ยูเครนแน่
วอชิงตันโพสต์กล่าวว่าลอนดอนหวังว่าตัวอย่างของลอนดอนจะโน้มน้าวให้สหรัฐฯ ปฏิบัติตามและจัดหาอาวุธพิสัยไกลให้ด้วย แต่จากรายงานของ Politico ระบุว่าวอชิงตันไม่ได้ถูกครอบงำ
มีรายงานว่า สหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับปริมาณ ATACMS ที่มีอยู่จะหมดสิ้น และความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้น ที่เคียฟใช้ความสามารถใหม่นี้เพื่อโจมตีเป้าหมายในดินแดนรัสเซียลึกเข้าไปในพื้นที่ชาติตะวันตกยอมรับว่าแผ่นดินเป็นรัสเซีย
ตามการประเมินของเพนตากอนที่ไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นของจริง ซึ่งรั่วไหลในเซิร์ฟเวอร์ Discord วอชิงตันเชื่อว่าการพัฒนายกระดับหนุนอาวุธชั้นสูงแก่เคียฟอาจสามารถโน้มน้าวให้ปักกิ่งให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่รัสเซียในที่สุด เท่ากับฝ่ายเคียฟบีบให้นาโต้ออกศึกแบบเปิดหน้า ซึ่งทำให้พันธมิตรรัสเซียชอบธรรมที่จะผนึกกำลังอย่างเปิดเผย
ซีเอ็นเอ็นอ้างเจ้าหน้าที่ตะวันตก รายงานว่าลอนดอน “ ได้รับการรับรองจากรัฐบาลยูเครน ” ว่าขีปนาวุธสตอร์มชาโดว์จะถูกใช้ “ เฉพาะภายในดินแดนอธิปไตยของยูเครนเท่านั้น ไม่ใช่ภายในรัสเซีย ” เคียฟถือว่าไครเมียซึ่งได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นให้เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี ๒๕๕๗ และภูมิภาคทั้ง ๔ รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์และลูกันสค์ที่เข้าร่วมประเทศในเดือนกันยายน ให้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของรัสเซียยังเป็นดินแดนของยูเครน
ปธน.เซเลนสกี กล่าวกับสื่อตะวันตกในสัปดาห์นี้ว่าการตอบโต้รัสเซียที่คาดหมายกันมานานนั้นล่าช้าออกไป เนื่องจากกองทัพของเขายังต้องการ “ บางสิ่ง ” ที่จะส่งมอบ เขาเอ่ยถึงรถหุ้มเกราะตัวสำคัญที่หมายตาจากเมกาและอังกฤษเป็นตัวอย่าง
ในขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประเมินว่าชาวยูเครนมี ” สิ่งที่พวกเขาต้องการเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการยึดดินแดนคืน ” จากมอสโกว์อยู่แล้ว ผู้สังเกตการณ์ชาวตะวันตกหลายคนอธิบายว่าปฏิบัติการตามสัญญามีความสำคัญต่อความขัดแย้งทั้งหมดในยูเครน โดยบ่งชี้ว่าเคียฟอาจเห็นการสนับสนุนจากต่างชาติลดน้อยลง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าสามารถใช้ประโยชน์จากการช่วยเหลือและเอื้อผลประโยชน์บนพื้นดินแก่พวกเขา
มอสโกว์ถือว่าการสู้รบในยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของสงครามตัวแทนที่นำโดยสหรัฐฯ จงใจกระทำกับรัสเซีย การจัดหาอาวุธตะวันตกอย่างต่อเนื่องมีแต่จะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อออกไป รัสเซียไม่มีทางเลือกในการถอยกลับ จนกว่าประเด็นหลักของการขยายอาณาเขตของนาโต้ไปยังพรมแดน รวมถึงในยูเครน จะได้รับการกล่าวถึงและพิจารณาอย่างจริงจังจากฝ่ายตะวันตก