ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ลงนามในกฤษฎีกาเกี่ยวกับการฝึกทหารของพลเมืองรัสเซียเป็นกองหนุนในปี ๒๕๖๖ เอกสารดังกล่าวเผยแพร่บนเว็บไซต์ข้อมูลทางกฎหมายอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ผ่านมาระบุว่า
“เรียกตัวพลเมืองรัสเซียเข้ารับการฝึกทหารกองหนุนในกองทัพรัสเซีย กองกำลังพิทักษ์ชาติรัสเซีย หน่วยงานความมั่นคงของรัฐ และหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลกลาง (FSB) ในปี ๒๕๖๖”
รัฐบาลรัสเซียและหน่วยงานบริหารได้รับมอบหมายให้ดำเนินการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเรียกตัวและการฝึกอบรม กฤษฎีกามีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันประกาศ
การฝึกทหารกองหนุนเป็นกิจกรรมที่วางแผนไว้เพื่อพัฒนาความสามารถทางทหารของทหารกองหนุนและจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
เรื่องนี้รอฟังข่าวจากฝั่งโปรยูเครนได้เลยว่า นี่เป็นการบ่งบอกว่ารัสเซียสูญเสียหนักต้องเกณฑ์ทหารเพิ่ม นี่เป็นการเคลื่อนไหวปกติที่มีอยู่ประจำทุกปี เมื่อไหร่ที่นาโต้กล้าประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะรบกับรัสเซียอย่างเปิดเผย เมื่อนั้นอาจได้เห็นการระดมพลอย่างแท้จริง
ในวันสวนสนามรำลึกวันแห่งชัยชนะของรัสเซียเหนือกองทัพลัทธิทหารสุดโต่งของเยอรมนี ปธน.ปูตินประกาศชัดว่าเบื้องหลังความปั่นป่วน ความรุนแรงและสงครามทั่วโลกนั้นคือ พวกอิลิทแองโกลแซกซอนที่มีสหรัฐฯเป็นโต้โผใหญ่ รัสเซียพร้อมลุยอย่างเด็ดเดี่ยวกับพวกนี้ การระบุชัดเจนกลางเวทีปราศรัย คือการท้าทายอย่างเป็นทางการกับกลุ่มมหาอำนาจเดี่ยวให้เปิดหน้าชก โดยไม่ต้องแอ๊ปว่า แค่ส่งเงินส่งอาวุธช่วยยูเครน เพราะพฤติกรรมทั้งโลกเห็นชัดแล้วว่า เมกาและยุโรปหลายประเทศเข้ามามีส่วนร่วมอย่างชัดเจน ศพทหารต่างชาติในยูเครนเป็นพยาน
ความพยายามสังหารพวกเดียวกันของเคียฟ สะท้อนว่ากลัวพยานจะเปิดเผยความจริงของอาชญากรรมที่เคียฟและนาโต้กระทำทั้งก่อนและระหว่างสงครามตัวแทน แต่ล้มเหลว เพราะเชลยยูเครนที่รัสเซียจับได้รอดตายหวุดหวิด
วันที่ ๑๑ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และทาซซ์รายงานว่า ประธานาธิบดีปูตินได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลการที่รัสเซียถอนตัวออกจากจากสนธิสัญญาว่าด้วยกองทัพธรรมดาในยุโรปปี 1990 ที่ถูกระงับ
รัสเซียได้แสดงเจตจำนงที่จะถอนตัวอย่างเป็นทางการจากสนธิสัญญาว่าด้วยกองทัพตามแบบแผนในยุโรป (Treaty on Conventional Armed Forces in Europe – CFE) ซึ่งเป็นข้อตกลงความโปร่งใสทางทหารที่ถูกระงับอยู่ในขณะนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ เซอร์เก ระยาบคอฟ (Sergey Ryabkov) ได้รับเลือกจากประธานาธิบดี ให้ดูแลกระบวนการในรัฐสภารัสเซีย
การนัดหมายถูกเปิดเผยในวันพุธซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศตามปกติของเครมลิน Ryabkov จะเป็นตัวแทนของรัฐบาลในทั้งสองห้องของรัฐสภาเกี่ยวกับการถอนตัวที่เสนอ เอกสารระบุ
Leonid Slutsky หัวหน้าพรรคชาตินิยม LDPR และส.ส.ในสภาดูมา กล่าวกับ RIA Novosti ว่าร่างกฎหมายเกี่ยวกับการถอนตัวของรัสเซียจากสนธิสัญญาอาจได้รับการแนะนำอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้
สนธิสัญญา CFE เป็นหนึ่งในรากฐานที่สำคัญของความพยายามลดความตึงเครียดระหว่างกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอและนาโต้ในช่วงวันสุดท้ายของสหภาพโซเวียต ลงนามในปี ๑๙๙๐ ข้อตกลงดังกล่าวกำหนดขีดจำกัดสำหรับการส่งกองกำลังทั่วไปในทวีปยุโรป และกำหนดกลไกความโปร่งใสต่างๆ เช่น การตรวจสอบยืนยันในสถานที่
มอสโกบ่นมานานแล้วว่าการขยายตัวของกลุ่มทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการเข้าร่วมของอดีตสมาชิกสนธิสัญญาวอร์ซอว์กำลังบ่อนทำลายสนธิสัญญา
ในปี ๒๐๐๗ รัสเซียประกาศระงับ CFE บางส่วน โดยอ้างถึงความล้มเหลวของสมาชิกใหม่ของ NATO ในการจำกัดกำลังทหารของตนให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญา มอสโกถอนตัวจากกลไก CFE อย่างสมบูรณ์ในปี ๒๐๑๕ โดยกล่าวว่าไม่เห็นจุดประสงค์ในการมีส่วนร่วมต่อไป
ในเดือนกุมภาพันธ์ รัสเซียระงับการเข้าร่วมใน New START ซึ่งเป็นข้อตกลงลดอาวุธนิวเคลียร์ระดับทวิภาคีฉบับสุดท้ายกับสหรัฐฯ รัฐบาลรัสเซียกล่าวหาว่าวอชิงตันใช้กองทัพยูเครนเป็นกองกำลังตัวแทนในการโจมตีสนามบินซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลที่มีความสามารถในการใช้นิวเคลียร์ของรัสเซีย และขัดขวางการตรวจสอบของรัสเซียในโรงงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ถอนตัวจากสนธิสัญญาอื่นๆ หลายฉบับที่ทำกับรัสเซียซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ ในปี ๒๕๔๕ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ถอนประเทศออกจากสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธ โดยอ้างว่าสหรัฐฯ ต้องการระบบป้องกันประเทศเพื่อป้องกันตนเองจาก “รัฐโกงกิน”
ฝ่ายบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ยุติสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า ซึ่งอนุญาตให้ผู้เข้าร่วมดำเนินการตรวจตราทางอากาศของกองทัพต่างประเทศ นอกจากนี้ยังยกเลิกสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งห้ามขีปนาวุธบนภาคพื้นดินบางประเภท ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงต่อความขัดแย้งทางนิวเคลียร์โดยไม่ได้ตั้งใจ
สหรัฐฯออกกฎหมายควบคุมและห้ามทุกประเทศครอบครองและใช้อาวุธทางทหารไปจนถึงอาวุธนิวเคลียร์ แต่ตัวเองถอนตัวออกจากทุกสนธิสัญญาฯร่วมทั้งหลาย ไม่ยอมให้ผู้อื่นตรวจสอบตัวเอง ถึงเวลารัสเซียประกาศอิสรภาพจากการควบคุมของมหาอำนาจเดี่ยวอย่างเต็มที่ ก็มีแต่รบให้ชนะเท่านั้นทุกอย่างจึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้!!