เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ในอดีตมีหลายประเทศจัดเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยน รัสเซียผู้เป็นกองหน้าสงครามแห่งความรักชาติ และสูญเสียหนักกว่าประเทศสัมพันธมิตรอื่นๆในการปราบกองทัพสุดโต่งเยอรมนี ได้จัดสวนสนาม รำลึกวันสำคัญนี้ ขณะที่อเมริกานอกจากไม่ร่วมยังตีกินหน้าตาเฉยว่า เพราะตนยิงนิวเคลียร์ใส่ญี่ปุ่น สงครามจึงจบ แต่สมรภูมิเดือดที่รบกันมายาวนาน มีแต่รัสเซียที่ตะลุยแหลกจนกองทัพฝ่ายอักษะราบคาบ
งานนี้พันธมิตร CIS ทั้ง ๘ ประเทศเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียงประกอบด้วย Armenia, Azerbaijan, Belarus, Kazakhstan, Kyrgyzstan, Tajikistan, Turkmenistan, Uzbekistan อดีตUkraine และ Moldovaเป็นสมาชิกด้วย แต่วันนี้ไม่ใช่และไม่ได้มาร่วม แต่ที่มอลโดวามีประชาชนจัดขบวนรถยนตร์รำลึกวันแห่งชัยชนะ ขณะที่รัฐบาลโปรเมกาสุดลิ่ม
ที่สำคัญ ในขบวนพาเหรดมองโกเลียส่งหน่วยทหารเข้าร่วมเดินสวนสนามด้วย
วันที่ ๑๐ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ ทาซซ์และสปุ๊ตนิกพร้อมใจกันรายงานการกล่าวสุนทรพจน์ของ ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียที่เวทีสวนสนามของกองทัพ ที่จัตุรัสแดงในกรุงมอสโกว์ ซึ่งอุทิศให้กับวันครบรอบ ๗๘ ปีแห่งชัยชนะเหนือนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ ๒
ปธน.ปูติน ให้คำมั่นว่าสงครามได้ปลดปล่อยรัสเซียจากอาณัติของแองโกลแซกซอนแล้ว แต่มอสโกว์จะแก้ไขปัญหาตรงหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวต่อไป
ผู้นำรัสเซียระบุว่า “ชนชั้นสูงในตะวันตกลืมผลที่ตามมาของ“ความทะเยอทะยานบ้าคลั่ง” รัสเซียเชื่อว่า“อุดมการณ์ใดๆ ที่เหนือกว่าผู้อื่นนั้นโดยธรรมชาติแล้วเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เป็นอาชญากร และเป็นอันตรายถึงชีวิต”
ปูตินกล่าวย้ำว่า “ชนชั้นนำระดับโลกยังคงยืนกรานในความพิเศษของพวกเขา พวกเขาทำให้ผู้คนแตกแยก สังคมแตกแยก ยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งนองเลือดและการรัฐประหาร หว่านความเกลียดชัง โรคกลัวรัสเซียและลัทธิชาตินิยมที่ก้าวร้าว ทำลายค่านิยมดั้งเดิมของครอบครัวที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์”
และทั้งหมดนี้ดำเนินการโดยสหรัฐฯ และพันธมิตรเพื่อ“กำหนดเจตจำนง สิทธิ และกฎของพวกเขาต่อไป”และนำสิ่งที่เรียกว่า“ระบบการโจรกรรม ความรุนแรง และการปราบปราม” มาใช้ ในเวทีระหว่างประเทศ
เมื่อกล่าวถึงความขัดแย้งในยูเครน ปูตินกล่าวว่า“วันนี้ อารยธรรมกลับมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง สงครามที่แท้จริงได้ปลดปล่อยมาตุภูมิออกมาแล้ว แต่เราต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ เราจะปกป้องผู้อยู่อาศัยของ Donbass และรับประกันความปลอดภัยของเราด้วย”
Following the Victory Day Parade, the Russian president, along with the leaders of Belarus, Kazakhstan, Kyrgyzstan, Tajikistan, Turkmenistan, Uzbekistan, and the prime minister of Armenia, paid tribute to fallen WWII warriors at the Tomb of the Unknown Soldier. pic.twitter.com/oKxA3dpU36
— RT (@RT_com) May 9, 2023
เขายืนกรานว่า เป้าหมายของตะวันตกคือ“บรรลุความแตกแยกและการทำลายล้างประเทศของเรา ลบล้างผลพวงของสงครามโลกครั้งที่สอง ทำลายระบบความมั่นคงของโลกและกฎหมายระหว่างประเทศโดยสิ้นเชิง และบีบคอศูนย์กลางการพัฒนาอธิปไตยทุกแห่ง”
สหรัฐฯ และพันธมิตรคือต้นตอของการปะทุความขัดแย้งในยูเครน ประมุขแห่งรัฐกล่าวว่า “ความทะเยอทะยานอย่างท่วมท้น ความเย่อหยิ่ง และการยอมจำนนย่อมนำไปสู่โศกนาฏกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือสาเหตุของหายนะที่ชาวยูเครนกำลังประสบอยู่ในขณะนี้”
เขาชี้ให้เห็นว่าชาวยูเครนกลายเป็น“ตัวประกัน”ของการรัฐประหารที่เกิดขึ้นในประเทศในปี ๒๐๑๔ และกลายเป็น“เบี้ยต่อรอง”โดยตะวันตกซึ่งใช้ประเทศนี้เพื่อดำเนิน“แผนเห็นแก่ตัวที่โหดร้าย” มุ่งหมายทำลายรัสเซีย
ปูตินกล่าวว่า “เราได้เห็นอนุสรณ์สถานทหารโซเวียตถูกทำลายอย่างไร้ความปรานีและเลือดเย็น ในหลายประเทศทางตะวันตก ที่ซึ่งมีการสร้างลัทธินิโอฯสุดโต่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างแท้จริง และความทรงจำเกี่ยวกับวีรบุรุษที่แท้จริงกำลังถูกลบล้างและใส่ร้าย”
เขาประณามการกระทำเหล่านี้ว่าเป็น “อาชญากรรม” และ “การทำลายล้างอย่างตรงไปตรงมาในหมู่ผู้ที่เตรียมการรณรงค์ครั้งใหม่อย่างเหยียดหยามและเปิดเผย เพื่อต่อต้านรัสเซีย และมีการรวบรวมพวกนีโอฯจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อการรณรงค์นี้”
ขณะที่อเมริกาอ้างเป็นผู้ปราบฝ่ายอักษะเป็นวีรบุรุษของสงครามโลกครั้งที่สอง แต่กลับเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มนีโอฯให้ฟื้นคืนชีพทั้งในยูเครนและยุโรป เพื่อบรรลุเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ของตน คงความเป็นมหาอำนาจเดี่ยวครองโลกต่อไป ปล้นทรัพยากรประเทศอื่นมาปรนเปรอตัวเองและพวกพ้องต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้เหยื่อรายใหญ่ที่แข็งแกร่งอย่างรัสเซีย จึงได้ประกาศแตกหักกับกลุ่มอิลิทแองโกลแซกซอนอย่างชัดเจนแล้วในงานรำลึกวันแห่งชัยชนะ มีแต่ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด รบชนะเท่านั้นประเทศและประชาชาติรัสเซียจึงจะดำรงอยู่ได้!!