ข่มเมกา-นาโต้!! รัสเซียจัด Su-35 ขยี้บินรบยูเครน ซัด Lancet-3 เหนือกว่าโดรน Switchblade-600 ของเมกา

0

รัสเซียถือว่า Sukhoi-35 เป็นเครื่องบินรบที่ล้ำยุคที่ไม่มีใครเทียบได้ทั่วโลก และเป็นที่ต้องการอย่างสูงของประเทศต่างๆ ล่าสุดท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามเผด็จศึกที่กำลังก่อตัวขึ้นในสนามรบยูเครน กลาโหมรัสเซียได้เปิดเผยอาวุธยุทโธปกรณ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตือนกองทัพเคียฟ-นาโต้ว่ากำลังจะต้องเจออะไรบ้าง จากภาคพิ้นดิน ทะเลและทางอากาศ

วันที่ ๕ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิก รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่วิดีโอจากเขตปฏิบัติการพิเศษทางทหาร แสดงให้เห็นซู-35 (Su-35) ของกองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซียลาดตระเวนพื้นที่สู้รบ ในขณะที่เครื่องบินของยูเครนบ่ายหน้าที่จะเข้าใกล้มัน และการตอบโต้นั้นรวดเร็วและไร้ความปรานี Su-35 ได้ทำลายเครื่องบินศัตรูยับ

Su-35 ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางทหารของนาโต้ภายใต้ชื่อแฟลงเคอร์-อี( Flanker-E) ถูกใช้ในภารกิจที่เหนือกว่าทางอากาศ และเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พวกเขาถูกใช้ในระหว่างปฏิบัติการรักษาสันติภาพของรัสเซียในซีเรีย ซึ่งนักรบเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าบินรบรุ่นนี้มีประโยชน์มากในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอสที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของตะวันตกรู้สึกทึ่งกับขีดความสามารถของ Su-35 นั่นเป็นสาเหตุที่การซื้อเครื่องบินดังกล่าวกำลังถูกจับจองโดยรัฐบาลหลายแห่ง รวมถึงอินเดียและมาเลเซีย ขณะที่จีนและอิหร่านได้ซื้อไปแล้วบางส่วน

นักบินรัสเซียปฏิบัติการเป็นประจำ และประสบความสำเร็จอย่างมากในการกวาดล้างเครื่องบินของยูเครน ทิ้งเครื่องบินลำหลังไว้โดยไม่มีโอกาสต่อสู้ใดๆ

นอกจากนี้ สถานการณ์การสู้รบโดยใช้โดรน หรือUAV กำลังกลายเป็นหัวข้อถกเถียงที่รุนแรงที่สุดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับสงครามทางทหารสมัยใหม่  บดบังแม้แต่การอภิปรายเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์

รัสเซียเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักของโดรนคู่แข่งของสองมหาอำนาจสองลำ คือโดรนกามิกาเซ่ “Lancet-3” ของรัสเซีย และ Switchblade-600 ของสหรัฐฯว่าของรัสเซียเหนือชั้นกว่าในหลายประเด็น บทพิสูจน์ในสนามรบเห็นชัดว่าทำลายยานเกราะและรถถังของยูเครนและตะวันตกที่ส่งให้ล็อตหลังแหลกราญ

Lancet-3 เบากว่าและเร็วกว่า Switchblade ยานเกราะรุ่นหลังสามารถทำลายยานเกราะและปืนครกที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ ในขณะที่ Lancet ทำได้เช่นเดียวกัน แต่ยังสามารถตามล่า UAV ของข้าศึกได้อีกด้วย สวิตช์เบลดมีราคาค่อนข้างแพงและไม่สะดวกในแง่ของการควบคุม ในขณะที่แลนเซ็ตสามารถพุ่งด้วยความเร็วสูงและโจมตีศัตรูได้อย่างแม่นยำ

เรื่องของโดรนล่าสุดฝ่ายยูเครน ทำชาวประชาอึ้ง หลังจากมีรายงานจำนวนมากว่าการป้องกันทางอากาศบนท้องฟ้าเหนือกรุงเคียฟ “ยิงโดรนของรัสเซียตก” ในที่สุดก็ “เปลี่ยนคำโว” ตอนนี้ในการยอมรับอย่างเป็นทางการว่ายูเครนยิงโดรนตัวเอง เป็น โดรนเบย์รักตาร์ (Bayraktar) ที่ผลิตในตุรกีถูกยิงตก แล้วมันขึ้นกำลังทำอะไรบนท้องฟ้าเหนือเคียฟ

จากข้อมูลของฝ่ายยูเครน โดรนลำนี้ตกลงเหนือพื้นที่ตอนกลางของเคียฟ เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า “ผู้ควบคุมขาดการติดต่อกับมัน” ไม่สามารถนำโดรนลงจอดได้ จึงตัดสินใจยิงโดรนลง

นายกเทศมนตรีเมืองเคียฟ วิตาลี คลิตโชโค (Vitaly Klitschko) กล่าวว่าโดรนตกในเขตเปเชอร์สกี (Pechersky) และลุกไหม้ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

นั่นคือยูเครนยิงโดรนตัวเองเพราะควบคุมไม่ได้ ขณะที่โดรนที่รัสเซียส่งไปเยี่ยมเคียฟและอีกหลายเมืองตอบแทนที่เคียฟส่งโดรนไปโจมตีวังเครมลินนั่นทำงานได้ผลชะงัด ทำลายศูนย์เรดาร์ ฐานเก็บคลังอาวุธและอื่นๆตามเป้าประสงค์เรียบร้อยรัสเซียไปแล้ว

ฝ่ายเคียฟออกมาโวยวายอีกว่าไม่มีทางตอบโต้กับระเบิดนำวิถีที่มีความแม่นยำสูงของรัสเซีย พ.อ.ยูริ อิกแนต โฆษกกองทัพอากาศยูเครน(Ukrainian Air Force spokesman Colonel Yury Ignat) ยอมรับเมื่อวันอังคาร โดยย้ำคำขอที่มีมาอย่างยาวนานสำหรับเครื่องบินไอพ่นสมัยใหม่ของอเมริกา

ในการแถลงข่าว Ignat อ้างว่ารัสเซียยิงระเบิดนำวิถีมากถึง ๒๐ ลูกในแนวหน้าทุกวัน อาวุธเหล่านั้นสามารถเดินทางได้ประมาณ ๗๐ กม. และโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและเป้าหมายอื่นๆอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้ เขาย้ำว่าปัญหาสามารถแก้ไขได้หากตะวันตกจัดหาเครื่องบินไอพ่นที่ทันสมัยให้ยูเครน “เอฟ-16 สามารถตอบโต้การบินของรัสเซียได้ตลอดแนวด้านหน้าของพื้นที่การสู้รบ”

คงคิดว่า Su-35 ของรัสเซียจะจัดการ F-16 ไม่ได้กระมัง อีกไม่นานก็ได้รู้เมื่อเมกาส่งมาให้รอไปก่อน!!