เมกาหลังชนฝา!! IMFแฉดอลลาร์ถูกทิ้ง เงินดิจิทัลอาจเป็นทางเลือก วอชิงตันป่วนเงินสดใกล้หมดเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้

0

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขบวนการ “ลดค่าเงินดอลลาร์” ได้รับแรงผลักดันเนื่องจากประเทศต่างๆ พยายามที่จะยุติการพึ่งพาสกุลเงินสหรัฐฯ แต่เกิดเร็วขึ้นหลังรัสเซียเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน เปิดเกมก่อนนาโต้ที่เตรียมการมายาวนานเลือกยูเครนเป็นสนามรบตัวแทนบดขยี้รัสเซียให้สิ้นทราก

วันนี้สถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่โลกขั้วเดี่ยวแองโกลแซกซอนที่นำโดยสหรัฐฯคาดหวังไว้ ไม่ว่าสงครามในพื้นที่เคียฟ-นาโต้ต่างพ่ายแพ้แก่รัสเซียอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สงครามเศรษฐกิจปรากฎว่า กลุ่มโลกหลายขั้วได้ผงาดแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแม้ว่า องค์กรไอเอ็มเอฟซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งของสหรัฐฯ เพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์สหรัฐฯจะออกมาเบลมว่า เงินดอลลาร์สหรัฐจะไม่ถดถอยลงเร็วในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็ตาม แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อนานาชาติตื่นตัวขึ้นถึงการเบียดบัง บิดเบือนของสหรัฐกับประเทศต่างๆเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายเดียว ไม่เว้นกับพันธมิตรของตัวเอง

วันที่ ๓ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า คริสตินา จออร์จีวา (Kristalina Georgieva)กรรมการผู้จัดการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF  กล่าวฟันธง “ดอลลาร์สหรัฐถูกละทิ้งอย่างต่อเนื่อง กำลังสูญเสียสถานะเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ไม่มีทางเลือกอื่นที่เป็นไปได้สำหรับสกุลเงินสำรองทั่วโลกที่จะมาทดแทนได้ในระยะเวลาอันสั้น”

เธอกล่าวในการประชุมระดับโลกของสถาบันมิลเคน (Milken) ประจำปี 2023 ในเมืองเบเวอร์ลีฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ

หัวหน้ากองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวว่า เงินยูโรสามารถถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของเงินดอลลาร์ ในขณะที่เงินปอนด์อังกฤษ เยนญี่ปุ่น และเงินหยวนของจีน “ มีบทบาทที่เจียมเนื้อเจียมตัวมาก”

เธอย้ำว่าปัจจัยสำคัญสำหรับความเชื่อมั่นในสกุลเงินของประเทศนี้หรือประเทศนั้นคือความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและความหยั่งลึกของตลาดทุน

จอร์จีวากล่าวว่า “ถ้าคุณกำลังคิดหาทางเลือกอื่นในโลกที่เราอาจโยกย้ายไปยังสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางอย่างหนาแน่น… และที่นั่น ฉันไม่เห็นทางเลือกอื่น ฉันไม่เห็นว่ามันจะมาถึงในเร็วๆ นี้” 

เธอเน้นย้ำถึงเหตุการณ์ช็อกครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น การระบาดใหญ่ของโควิด ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังจากดำเนินนโยบายการเงินแบบหลวมๆ มานานหลายปี โดยเรียกเหตุการณ์เหล่านี้ว่าเป็น “เหตุการณ์ที่คิดไม่ถึง”

เธออธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากอัตราดอกเบี้ยต่ำไปสู่ระดับสูงได้เปิดเผยความเปราะบางในภาคการเงิน และการที่ภาคธนาคารของสหรัฐฯ เผชิญกับวิกฤตในระดับสูงได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ของ IMF

สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงขีดความสามารถของไอเอ็มเอฟเองว่า อยู่ในกรอบของวอชิงตัน ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งเดียวกับฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ การออกมาประเมินแบบนี้ยิ่งสะท้อนความอ่อนไหวของ ข้อเท็จจริงที่อำนาจของดอลลาร์สหรัฐอยู่ในขาลงแบบหัวทิ่ม เพราะกลุ่มแองโกลแซกซอนที่นำโดยสหรัฐฯคงคาดไม่ถึงผลกระทบที่จะย้อนกลับมาทำลายเครดิตอำนาจของตัวเองอย่างที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อลงโทษรัสเซียอย่างไม่เป็นธรรม ส่งผลสะเทือนเกิดความไม่ไว้วางใจอย่างทั่วด้านว่า วันใดวันหนึ่งที่เมกาและพวกไม่พอใจ ประเทศนั้นอาจกลายเป็นเหยื่อด้วยการใช้เงินดอลลาร์เป็นอาวุธทำลายล้างทางเศรษฐกิจของคู่ปรับ ทำให้วันนี้ดอลลาร์กำลังหมดอำนาจลงเรื่อยๆ ทำให้สหรัฐฯต้องดิ้นรนอย่างสาหัส

วิกฤตล่าสุดที่สหรัฐฯกำลังต้องเผชิญคือ เงินสดหมดและเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ต้องเร่งคลอดกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ซึ่งกระฉูดทะลุฟ้าไปแล้วถึง ๓๑.๔ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจะได้พิมพ์เงินกระดาษมาใช้ได้อีกไปเรื่อยๆหนีปัญหาไปเรื่อยๆโดยคาดว่า จะลากทั้งโลกมาแบกรับปัญหานี้ ในขณะที่ระบบการเงินการธนาคารทั้งโลกผูกติดกับดอลลาร์อย่างแน่นหนามาตลอดหลายทศวรรษ

คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการเจรจาเรื่องดังกล่าวระหว่างทำเนียบขาวและพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสหยุดชะงักนานหลายเดือน

เยลเลนส่งสัญญาณเตือนตั้งแต่เดือนมกราคม เมื่อสหรัฐฯ แตะเพดานหนี้แล้วในเวลานั้น เธอแจ้งต่อสภาคองเกรสว่ากระทรวงการคลังได้เริ่มใช้”มาตรการพิเศษ”เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดของรัฐบาลกลาง

รัฐมนตรีคลังและสำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ยังปรับปรุงการคาดการณ์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเตือนว่า “มีความเสี่ยงมากขึ้นอย่างมากที่คลังจะหมดเงินในช่วงต้นเดือนมิถุนายน”เนื่องจากการจัดเก็บภาษีที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ เดิมที CBO คาดการณ์ว่าการผิดนัดอาจเกิดขึ้นระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เรียกผู้นำรัฐสภาทั้งสี่คนและเชิญพวกเขาเข้าร่วมการประชุมเกี่ยวกับประเด็นนี้ในวันที่ ๙ พฤษภาคมที่จะถึงนี้หวังแก้ปัญหาก่อนเส้นตาย

ที่จริงก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟยังยอมรับว่า เศรษฐกิจรัสเซียเติบโตดีผิดคาด ขณะอินเดียและจีนเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกกว่าครึ่งของ GDP โลก หากสองประเทศใหญ่นี้เลือกดำเนินการแบบไหนย่อมส่งสะเทือนทั้งโลกและปัจจุบันนี้ทั้งสามมหาอำนาจแห่งโลกหลายขั้ว ดูเหมือนจะเลือกเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ทางเศรษฐกิจ ไม่เดินตามวอชิงตันอย่างไม่มีเงื่อนไขแล้วก็ว่าได้!!