เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย ๑๐๘ นายได้รับบาดเจ็บระหว่างการประท้วงวันแรงงานในฝรั่งเศส การปะทะกันอย่างรุนแรงปะทุขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินขบวนต่อต้านการปฏิรูปเงินบำนาญที่ประกาศเป็นกฎหมายโดยไม่ลงมติ และเป็นที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่คนฝรั่งเศสไม่ยอมทนรัฐบาลของตัวเองอีกต่อไป
วันที่ ๓ พ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และ รายงานว่า ชาวฝรั่งเศสยังคงประท้วงรัฐบาลอย่างดุเดือด ผู้ประท้วงเกือบ ๓๐๐ คนถูกจับกุมระหว่างการประท้วงใหญ่ในวันแรงงานของฝรั่งเศส เพื่อต่อต้านการปฏิรูปเงินบำนาญที่เป็นข้อขัดแย้งในวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า ๑๐๐ นายได้รับบาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์ความไม่สงบ
เจอรัลด์ ดาร์มานิน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส (French Interior Minister Gerald Darmanin) กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวประชาชนทั้งหมด ๒๙๑ คนทั่วประเทศ โดย 111 คนถูกจับกุมในปารีส เขาสังเกตว่ามีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย ๑๐๘ นายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เขาอธิบายว่า“หายากมาก”สำหรับการประท้วง แต่เกิดขึ้นแล้วเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ที่ผ่านมา
รัฐมนตรีระบุว่า ในเมืองหลวงของฝรั่งเศสเพียงแห่งเดียว มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด ๒๕ นาย โดยนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ใบหน้าและมือหลังจากโดนระเบิดขวด
ดาร์มานิน รวมจำนวนผู้เข้าร่วมการประท้วงทั่วประเทศไว้ที่ ๗๘๒,๐๐๐ คน แต่สหภาพแรงงาน CGT โต้แย้งตัวเลขนี้ โดยอ้างว่าประชาชนกว่า ๒.๓ ล้านคนออกมาเดินขบวนทั่วประเทศแล้วอย่างต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์
แม้ว่าการชุมนุมจำนวนมากเป็นไปอย่างสงบ แต่การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุมก็ปะทุขึ้นในบางสถานที่ ตามภาพที่แชร์บนโซเชียลมีเดีย ผู้ประท้วงขว้างกระสุนปืนและระเบิดขวดใส่ตำรวจ ซึ่งตอบโต้ด้วยการใช้ปืนฉีดน้ำและแก๊สน้ำตา
ทางการฝรั่งเศสประณามความรุนแรงดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีเอลิซาเบธ บอร์นกล่าวว่า ในขณะที่วันแรงงานเป็น“ช่วงเวลาแห่งการระดมพลและความรับผิดชอบอย่างมีความรับผิดชอบ” “ฉากของความรุนแรงที่อยู่ข้างขบวนนั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ยิ่งกว่า”
ในขณะเดียวกัน Darmanin อ้างว่าความรุนแรงได้รับแรงกระตุ้นจากกลุ่มซ้ายสุดที่รู้จักกันในชื่อ”บล็อกสีดำ” เขากล่าวว่า ตำรวจได้เผชิญหน้ากับ“อันธพาลที่มีความรุนแรงอย่างยิ่งซึ่งมีเป้าหมายเดียว: เพื่อฆ่าตำรวจและโจมตีทรัพย์สินของผู้อื่น”ในปารีส ลียง และน็องต์
ฝรั่งเศสปั่นป่วนจากการประท้วงครั้งใหญ่มาหลายเดือน ซึ่งเกิดจากแผนการของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ที่จะเพิ่มอายุเกษียณจาก ๖๒ เป็น ๖๔ ปี เพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินของประเทศ มาครงลงนามในกฎหมายปฏิรูปในเดือนเม.ย. หลังจากใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญเพื่อเลี่ยงสภาแห่งชาติ สภาล่างของฝรั่งเศสโดยไม่มีการลงคะแนนเสียง
แน่นอนเลยว่า ประท้วงยืดเยื้อกันขนาดนี้เศรษฐกิจประเทศจะเหลืออะไร บริษัทจัดอันดับ Fitch ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสแล้ว โดยเตือนว่าการต่อต้านของประชาชนต่อการปฏิรูปเงินบำนาญจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
หน่วยงานดังกล่าวลดอันดับเครดิตจาก “AA” เป็น “AA-” ด้วยแนวโน้มที่คงที่ การปรับลดอันดับหมายความว่าฝรั่งเศสถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้นสำหรับนักลงทุน ซึ่งอาจนำไปสู่ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น
หน่วยงานดังกล่าวระบุว่า “ ฟิทช์เชื่อว่าแรงกดดันทางสังคมและการเมืองที่เกิดขึ้นจากการประท้วงต่อต้านการปฏิรูปเงินบำนาญจะทำให้การรวมบัญชีการเงินมีความยุ่งยาก ” ทั้งเสริมว่าการตัดสินใจของรัฐบาลที่จะหลีกเลี่ยงการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาเพื่อผลักดันการปฏิรูปเงินบำนาญจะมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมให้กองกำลังหัวรุนแรงและต่อต้านรัฐบาลหนักขึ้น”
ฟิทช์เตือนว่า “การหยุดชะงักทางการเมืองและการเคลื่อนไหวทางสังคมซึ่งบางครั้งรุนแรงมาก ทำให้เสี่ยงต่อวาระการปฏิรูปของมาครง และอาจสร้างแรงกดดันต่อนโยบายการคลังที่ขยายตัวมากขึ้น หรือการพลิกกลับของการปฏิรูปก่อนหน้านี้”
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสลง ได้นามในกฎหมายปฏิรูปเงินบำนาญที่ไม่เป็นที่นิยมเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม้จะมีการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศและการต่อต้านในรัฐสภาหลายเดือน มาตรการดังกล่าวได้เพิ่มอายุเกษียณจาก ๖๒ ปีเป็น ๖๔ ปี หลังจากการบังคับใช้ ฝ่ายค้านทางการเมืองและสหภาพแรงงานต่างสาบานว่าจะต่อต้านต่อไป นักวิเคราะห์เตือนว่า เนื่องจากพรรคของประธานาธิบดีไม่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา จึงอาจเป็นเรื่องยากสำหรับการปฏิรูปด้านอื่นๆ เนื่องจากความไม่สงบในที่สาธารณะยังคงยืดเยื้อไม่มีทีท่าวาจะยุติเมื่อใด
บรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของฝรั่งเศส ให้คำมั่นว่าปารีสจะดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างต่อไป แม้ว่าจะมีคำเตือนจากฟิทช์หรือการประท้วงหนักก็ตาม เมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ให้คำมั่นว่าจะเร่งลดหนี้ของประเทศ ฟื้นฟูการเงินสาธารณะ ลดการขาดดุล และลดรายจ่ายสาธารณะให้เร็วขึ้น
ดูท่าแล้วไม่น่าจะประนีประนอมกันได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ที่เข้าข่ายมิคสัญญี และมีแนวโน้มก้าวไปสู่สงครามกลางเมือง ท่ามกลางกระแสร้อนของสงครามใหญ่ระหว่างรัสเซีย-นาโต้ภายใต้ตัวแทนยูเครนกำลังคืบคลานเข้ามา แม้ว่ามาครงพยายามลากฝรั่งเศสออกจากสนามรบ แต่อาจสายเกินกว่าจะควบคุมผลที่เกิดขึ้นจากการผูกหางไว้กับวอชิงตันมาก่อนหน้านี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!!