จากที่ผู้นำจีนยอมต่อสายคุยกับผู้นำยูเครนถึงการเจรจายุตอศึกสงครามกับกองทัพรัสเซีย ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครนกลับออกมาพูดถึงการเจรจาจะเกิดขึ้นได้เมื่อฝ่ายรัสเซียยอมแพ้เท่านั้น
ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องที่น่าสนใจจากกรณีดังกล่าว โดย Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงความคืบหน้าในสถานการณ์ของยูเครนว่า
“จีน-รัสเซีย จัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วอำนาจขึ้นปีที่ 2 ในด้านพลังงาน เงินตรา การทหาร การค้า เศรษฐกิจ สังคม การเมืองระหว่างประเทศ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ
แต่สหรัฐ ไม่ต้องการสูญเสียอำนาจระเบียบโลกขั้วเดียวดังกล่าว จึงยื้อดิ้นเฮือก นำกลุ่มสงคราม NATO และพันธมิตร 40 ชาติ รวมทั้งยูเครน หวังแตกดินแดนรัสเซียออกเป็น 30 ประเทศ จึงตั้งกองกำลังผสมทำสงครามใหญ่
แต่ด้วยไม่ประสบสำเร็จ ยึดคืนพื้นที่สูญเสียไม่ได้ แถมสูญเสียกำลังพล และอาวุธมากเป็นประวัติการณ์ สิ่งที่ทำได้อย่างมากสุดคือการก่อการร้ายนานๆ ครั้งในดินแดนรัสเซีย
คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จึงอยากจะปล่อยมือให้สหภาพยุโรป รับช่วงต่ออุ้มยูเครนทำสงครามต่อไป แต่สหรัฐ กำลังให้ความสนใจมุ่งการปั่นสงครามกับจีน ทั้งในเอเซีย และแอฟริกามากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะจะมีการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐ ในปลายปี 2567 ทำเนียบขาวจึงกลัวผลที่ตามมาจากความพ่ายแพ้ล้มเหลวไม่สมหวังของการโจมตีทำสงครามกับรัสเซีย ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป
ประธานาธิบดี เซเลนสกี ผู้นำยูเครน คุยโวกับหนังสือพิมพ์ Yle ของฟินแลนด์ และสื่อสิ่งพิมพ์สแกนดิเนเวียอื่นๆ ว่าเขาจะนำทัพกองกำลังผสมมีชัยชนะในสงคราม ซึ่งสามารถบุกรุกรานแคว้นไครเมีย รัสเซียได้
แต่มีข้อแม้ว่าชัยชนะจะขึ้นอยู่กับการให้กู้ยืมเงินและอาวุธจากชาติตะวันตกเท่านั้น โดยไม่ต้องมีเครื่องบินรบเทพ F-16 ของสหรัฐ เพราะไม่มีเวลาให้รออีกแล้ว ดังนั้นจะเริ่มบุกก่อนที่จะมีเครื่องบินรบจากชาติตะวันตก และแม้ว่าจะไม่มีรถหุ้มเกราะที่เพียงพอ
ผู้นำยูเครน ยอมรับได้หากกองทัพของยูเครนจะสูญเสียทหารมากขึ้นอีกหลายแสนนาย เพื่อให้สหรัฐ และ NATO พึงพอใจผลงาน แล้วให้กู้ยืมเงินและอาวุธชุดใหม่
เขาขู่ว่า สงครามอาจดำเนินต่อไปอีกหลายปีหรือหลายทศวรรษ แต่เขาเคยประกาศความพร้อมครั้งที่นับไม่ถ้วน ที่จะเปิดฉากรุกรานรัสเซีย
นายมิคาอิล โปโดลิอัค ที่ปรึกษาของผู้นำยูเครน ข่มขู่ว่า จีนจะต้องยอมก้มหัวให้ชาติตะวันตก ไม่เช่นนั้นจะสูญเสียอิทธิพลของจีน รวมถึงอิทธิพลทางเศรษฐกิจต่อโลก
มีการประชุมระหว่างรัฐมนตรีคลังของสหภาพ ยุโรป และหัวหน้าธนาคารกลางในสวีเดน โดยนาย Sergei Marchenko รัฐมนตรีคลังยูเครน ระบุว่าในปี 2567 ได้ขอกู้เงินค่าอาวุธเพิ่มอีก 18,000 ล้านยูโร และจะกู้ไปอีกเรื่อยๆ แต่ยังไม่คุยแผนการใช้คืน เพราะยูเครน ขาดดุลงบประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
โดย 67% ต้องใช้เงินกู้จากต่างประเทศ และเงินกู้ที่ได้รับ 75% ก็วนกลับไปซื้ออาวุธชาติตะวันตกอีกที สิ้นปีนี้หนี้สาธารณะของยูเครนคาดว่าจะพุ่งขึ้นประวัติการณ์ถึง 173,000 ล้านดอลลาร์ (5.90 ล้านล้านบาท)
