เรียกได้ว่ากำลังเป็นที่น่าจับตามองแบบห้ามคลาดสายตา นั่นก็คือสงครามตัวแทนยูเครน–รัสเซีย ซึ่งมีทีท่าน่าจะจบในไม่ช้าแต่ก็ถูกยื้อให้ยาวนานขึ้นไปอีกจากการแทรกแซงของมหาอำนาจจากฝั่งตะวันตกและยุโรป
แต่ก็อย่างที่ทราบการสู้รบกันนี้ยืดเยื้อมานานนับปี จนทำให้หลายๆฝ่ายประสบปัญหาอาวุธในคลังที่ใกล้จะหมดสิ้น รวมถึงระบบเศรษฐกิจที่ค่อยๆพังทลาย โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ดอลลาร์ค่อยๆถูกเทให้ไร้ความหมายในตลาดโลก ทำให้หลายๆคนต่างพากันประเมินได้ในเบื้องต้นว่า สงครามนี้ใครจะเป็นผู้แพ้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางด้านของเพจสาธารณะชื่อ World Update ได้มีรายงานถึงพี่ใหญ่สหรัฐฯ หันหน้ามาใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นว่า
ปี 2565 ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) รายงานว่า งบประมาณทางทหารทั่วโลกทั้งหมดสูงถึง2.24 ล้านล้านดอลลาร์ (76.45 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3.7% จากปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
โดยชาติ 3 อันดับแรกที่มีงบประมาณทางทหารมากสุด คือ สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย คิดรวมกันเป็น 56% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโลก
สงครามระหว่างกลุ่ม NATO และพันธมิตร 40 ชาติ รุมรัสเซีย ชาติเดียว ในสมรภูมิยูเครน และการปั่นสงครามกับจีน ในเอเชียตะวันออก เป็นปัจจัยให้งบประมาณทางทหารทวีปยุโรป เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 13%
ประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันตก งบประมาณทางทหาร 345,000 ล้านดอลลาร์ (11.77 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรกในรอบ 31 ปี และสูงกว่าปี 2556 ถึง 30%
งบประมาณทางทหารที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วชัดเจน และเป็นสัญญาณการเตรียมพร้อมเข้าสู่สงครามคิวต่อจากยูเครนค่อนข้างชัดเจน คือ ฟินแลนด์ (36%) , ลิทัวเนีย (27%) , สวีเดน (12%) และโปแลนด์ (11%)
คาดว่า งบประมาณทางทหารประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันตก จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายปีนับแต่นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณมหาสงครามครั้งใหม่โดยมียุโรป เป็นหนึ่งในศูนย์กลางคล้ายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
ต่างฝ่ายต่างเก็บสะสมอาวุธทุ่มงบทางการทหาร กันอย่างดุเดือด เห็นได้ชัดตามที่ทางด้านของเพจสาธารณะ World Update ได้รายงานในเบื้องต้น แต่ที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้เห็นทีจะเป็นความเคลื่อนไหวของทางฝั่งสหรัฐ ที่ได้มีการเปิดเผยว่า
ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานใหม่เอี่ยม ที่ผลิตโดยอดีตสหภาพโซเวียต และผลิตต่อเนื่องมาถึงรัสเซีย คือ S-300 , Tor-M1 และ Pantsir-S1 ถูกพบขนส่งบนรถไฟบรรทุกสินค้า
ใกล้กับ JSMC (ศูนย์การผลิตระบบร่วม) ซึ่งเป็นฐานการผลิตอาวุธหลักสำหรับอุตสาหกรรมการทหารของสหรัฐฯ ในเมืองลิมา รัฐโอไฮโอ
ซึ่งได้มีการวิเคราะห์ว่า ระบบอาวุธเหล่านี้ผู้ผลิตไม่เคยส่งขายให้กับสหรัฐฯ คาดว่ากลาโหมสหรัฐ ขอซื้อต่อมาจากชาติอดีตสหภาพโซเวียต ที่มีประจำการทุกชาติ รวมทั้งชาติในยุโรปที่เคยซื้อไป โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิบัตรคือรัสเซียดังนั้นตามกฎหมายจึงถือเป็น “อาวุธเถื่อน“
สหรัฐ อาจนำระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของตน เช่น Patriot ไปแลกมา ด้วยกำลังประสบปัญหาการใช้งานจริงในซาอุฯ และ UAE , และโปแลนด์ว่ามันหลับลึกไม่ทำงาน
แต่ที่ลือลั่นโลก และสหรัฐ อับอายมาก คือ ปลายปี 2565 ยูเครน ยิงจรวดจากระบบต่อต้านอากาศยาน S-300 จำนวน 2 ลูกโจมตีโปแลนด์ จนมีผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหาย
โดยเรดาร์เทพ ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานมหาเทพวัตถุโบราณ Patriot ของสหรัฐ หลับลึกไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเคย สหรัฐจึงต้องพยายาม “ก็อบปี้สินค้า” และพยายามหาทางต่อกรเทคโนโลยีอาวุธนี้
อีกทั้งหาวิธีที่จะทำให้เครื่องบินรบเทพของสหรัฐ จะหลบหนีอาวุธนี้ได้ในอนาคตที่จะต้องทำมหาสงครามขนาดใหญ่กับกองทัพรัสเซีย แต่ในความจริงรัสเซีย ได้ใช้ระบบที่ใหม่กว่า
คือ S-400 และ S-500 ที่สามารถสอยดาวเทียมร่วงได้ ส่วนระบบ Tor-M1 และ Pantsir-S1 นั้นใช้สำหรับสอยอากาศยานโดรน , เฮลิคอปเตอร์ ในพิสัยใกล้
https://www.blockdit.com/posts/644e854a5dfef156e099a6c8?fbclid=IwAR3fC3Ht-MildvAyKXvxct27t6edIJz5LKENgzt9bWDDxTNl5_RlDfCLRwU
