จากกรณีประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ผู้นำจีน พูดคุยทางโทรศัพท์จากประธานาธิบดีเซเลนสกี ผู้นำยูเครน เป็นการสนทนาครั้งแรกนับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครนตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมาผู้นำจีนไม่ยอมรับสายโทรศัพท์จากผู้นำยูเครนนั้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 Blockdit World Update โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวไว้ว่า “ผู้นำจีนได้บอกว่าการเจรจาและการเจรจาเท่านั้น เป็นทางออกเดียวที่ได้ผล
โดยจีนจะไม่ดูไฟจากอีกด้านหนึ่ง หรือเติมเชื้อไฟไม่ใช้ประโยชน์จากโอกาสในการทำกำไรจากความขัดแย้งเหมือนที่ชาติตะวันตกกำลังทำอยู่ จึงขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบและอดกลั้น เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามกลายเป็นการเผชิญหน้ากันที่ใหญ่ขึ้น
เมื่อรัสเซียลงมือจะไม่มีใครชนะสงครามนิวเคลียร์ จีนไม่เหมือนกับชาติตะวันตกจำนวนมาก มีแผนงาน 12 ข้อเพื่อสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน และมีความเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการไกล่เกลี่ยยุติการสู้รบ”
ขณะที่สื่อต่างประเทสCNN สื่อสหรัฐรายงานด้วยว่า ผู้นำยูเครนแถลงผ่านทวิตเตอร์หลังหารือทางโทรศัพท์ร่วมกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มต้นบุกยูเครน
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวผ่านทวิตเตอร์มีใจความว่า “ผมได้มีการหารือทางโทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ผมเชื่อว่าการโทรศัพท์ครั้งนี้รวมไปถึงการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตยูเครนประจำจีนนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างพวกเรา”
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า เซเลนสกีได้แสดงความเห็นถึงการสนทนาครั้งแรกกับสีว่า เป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่ยาวนาน และมีความหมาย
ด้านสถานีโทรทัศน์ทางการจีน CCTV ได้ยืนยันการหารือโทรศัพท์ครั้งสำคัญกับผู้นำยูเครนเช่นกัน ซึ่งในการพูดคุยผู้นำจีนได้ยืนยันจะนำทูตเดินทางไปยูเครน และประเทศอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือสำหรับการสื่อสารในระดับสูงกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางประนีประนอมทางการทูตในวิกฤตยูเครน
ในรายงานสรุปประจำวันพุธ (26) กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงว่า เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเครนคนใหม่คือ หลี่ ฮุย (Li Hui) ซึ่งเป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลจีนด้านกิจการยูเรเชีย ก่อนหน้าเขาเคยเป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซียระหว่างปี 2009-2019
นอกจากนี้ รอยเตอร์ ยังรายงานอีกว่า ทำเนียบขาว แถลงแสดงความยินดีถึงการหารือทางโทรศัพท์ครั้งแรกระหว่างผู้นำจีน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แต่ชี้ว่า มันยังเร็วเกินไปที่จะสามารถพูดได้ว่าจะสามารถนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน