งานเลี้ยงเลิกแล้ว แต่ปัญหายังไม่จบ!?! ซ้ำร้ายยังหมักหมมฝังแน่นอยู่ในเนื้อรัฐบาลอยู่ต่อไป สำหรับเสียงในสภาที่ยังต้องลุ้นคว่ำลุ้นหงายยามโหวตสู้กับฝ่ายค้าน โดยงานนี้ปัญหาหลักต้องพูดว่าอยู่ที่ค่ายสีฟ้าด้วยยังไม่มีเอกภาพภายในพรรค ที่สำคัญ6มือที่โหวตสวนแนบแน่นอย่างยิ่งกับหล่อใหญ่ ดังนั้นจึงมองอนาคตได้เลยว่า รัฐบาลลุงตู่ยังต้องเหนื่อยและเสี่ยงกับภาวะยืนบนปากเหวที่รอวันคว่ำไปด้วยกัน!?!
3 ธ.ค. 62 ที่สโมสรราชพฤกษ์ มีนัดมื้อสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งตัวแทนวิปรัฐบาล เพื่อพูดคุยถึงการทำงาน หลังเกิดกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงการทำงานในสภาฯที่เจอปัญหาล่มถึงสองครั้งติดๆกัน
ในงานเลี้ยงมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ขณะตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วม ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันย์ และกรรมการบริหารพรรค นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นต้น
พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการพรรคฯ
พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการฯ นายสาธิต ปิตุเตชะ นายนิพนธ์ บุญญามณี นายถาวร เสนเนียม
พรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายธีระ วงศ์สมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นำโดย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรค
ขณะที่บรรดาพรรคเล็ก ก็มีม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ หัวหน้าพรรคประชานิยม
นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและพรรคประชาธิปไตยใหม่ นายปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคพลังไทยรักไทย นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เป็นต้น
ทั้งนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกถามหาบรรดาแกนนำพรรคเล็กอยู่ไหน “เต้อยู่ไหน” ทำให้นายมงคลกิตติ์ รีบออกมาหาพลเอกประยุทธ์ทันที
โดยนายกรัฐมนตรี บอกว่า เดือนมกราคมนายมงคลกิตติ์ จะประพฤติตัวใหม่ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำมือเอานิ้วแตะไปที่ปากว่าจะพูดน้อยลง รวมทั้งจากนายกฯยังได้ล็อกคอนายมงคลกิตติ์ด้วยอาการที่หยอกเล่น พร้อมกล่าวว่า นี่คือคนรุ่นใหม่ นายมงคลกิตติ์ ถึงกลับยกมือไหว้
ขณะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรัฐมนตรี ยังได้พูดถึงนายมงคลกิตติ์ ที่นายกฯระบุว่านายมงคลกิตติ์ จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ในเดือนม.ค.ปี 63 ว่า “เขาก็จะเป็นคนดี เพราะตอนนี้ดูเป๋ๆไป”
อย่างไรก็ตามในงานเลี้ยงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทักทายกับแกนนำพรรคการเมืองทุกโต๊ะ รวมทั้งได้หยุดนั่งพูดคุยกับ แกนนำกลุ่ม 10 หรือ พรรคเล็ก มีการพูดคุยถึงแนวทางที่จะทำงานร่วมกัน และสิ่งที่ต้องการให้พรรคเล็กช่วยเหลือและร่วมมือ
โดยภายหลังการพูดคุย นายมงคลกิตติ และนายพิเชษฐ์ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ ก็ยืนยันกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ตั้งแต่ปีใหม่ 2563 ไป จะไม่มี “ฝ่ายค้านอิสระ” และจะร่วมช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลตามเดิม
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังงานเลี้ยงที่เลิกราแล้ว แต่ก็มีการมองกันว่า ปัญหาต่างๆในพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่จบแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงปริ่มน้ำ สภาวะรัฐบาลเสียงข้างน้อย??? ที่ยังมีอยู่ นั่นเพราะปัญหาที่แท้จริงยังคงมีอยู่ที่ความไม่มีเอกภาพของพรรคประชาธิปัตย์?!?
3 ธ.ค.62 พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุม ส.ส.โดยมี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคในฐานะประธาน ส.ส.ของพรรคเป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ได้เข้าร่วมประชุมด้วย พร้อมกำชับนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล และวิปพรรคชี้แจงเหตุผลขอความร่วมมือ ส.ส.ให้ทำตามมติวิปพรรคร่วมรัฐบาลโดยเคร่งครัด
“เพราะอยู่ในระบอบรัฐสภา ซึ่งบรรยากาศในการประชุมได้มีการหารือเคร่งเครียด โดย นายชินวรณ์ ได้ย้ำขอความร่วมมือขอให้ ส.ส.ของพรรคทุกคนเข้าร่วมประชุมเพื่อให้ครบองค์ประชุม และขอให้ทำตามมติของวิปรัฐบาล เพื่อความเป็นเอกภาพของฝ่ายรัฐบาล
ในส่วนนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ที่เป็นเจ้าของญัตติขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบและหาแนวทางแก้ไข ผลจากประกาศและคำสั่งปฏิวัติคณะต่างๆ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น พอเข้าใจเหตุผลได้
“หรืออย่างน้อยที่สุดในส่วน 5 ส.ส.ที่เคยโหวตสวนมติวิปพรรคร่วมรัฐบาล ก็ขอให้โหวตงดออกเสียง โดยย้ำว่า หาก ส.ส.คนอื่นที่จะเห็นเป็นอย่างอื่นต้องมาคุยกับตน ในฐานะวิปพรรคก่อน” นายชินวรณ์ กล่าว
ขณะที่ 6 ส.ส.ที่เคยโหวตขอตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ยืนยันแล้วว่า มี 4 คนที่ยังยืนยันว่าจะโหวตหนุนให้ตั้ง กมธ.เช่นเดิม เพราะได้โหวตมาแล้ว ก็ต้องรักษาจุดยืนเดิม คือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
นายสาทิตย์ พูดหลังประชุมด้วยว่า ตนยังต้องยืนยันว่าที่จะสนับสนุนให้มีการตั้ง กมธ.วิสามัญฯในฐานะเจ้าของญัตติ เช่นเดียวกับ เพื่อน ส.ส.บางส่วนที่ได้โหวตสนับสนุนญัตติของตน ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ ทั้งนี้องค์ประชุมจะครบหรือไม่ก็อยู่ที่ 249 เสียง
ขณะที่ ส.ส.ฝั่งรัฐบาลมี 254 เสียง หากตัดคนที่ไปต่างประเทศติดภารกิจหรือป่วย ซึ่งทราบว่า มี 2 คน คือ นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะอยู่ที่ 252 เสียง ก็ต้องดูว่าองค์ประชุมครบหรือไม่
4 ธ.ค. 62 นายพิเชษฐ เปิดเผยถึงการมิตติ้งพรรคร่วมรัฐบาล ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดีมากๆ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาพบกันพรรคการเมืองต่างๆ โดยได้มาคุยกับพรรคขนาดเล็กที่มีจำนวนส.ส. 15 เสียงนานมาก
โดยขอบคุณทุกคนที่มา พร้อมบอกว่า 1 เสียงถือว่าสำคัญมากๆ ต่อรัฐบาลชุดนี้ ขอให้ทุกๆ คนช่วยกันเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ถ้าผมอยู่ไม่ได้พวกท่านก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องมาทำงานช่วยกัน
นอกจากนี้นายพิเชษฐ ยังกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้คุย 2 พรรคฝ่ายค้านอิสระ คือ ตนและนายมงคลกิตติ์ ขอให้กลับมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม ซึ่งตนทั้ง 2 คนก็รับปาก คาดว่าภายในเดือน ธ.ค. ก็เสร็จเรียบร้อย ไม่มีฝ่ายค้านอิสระแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลพอจะใจชื้นขึ้นมาบ้างนิดหน่อยก็คือ การได้บรรดาพรรคเล็ก 7 เสียง กลับมา ทำให้ยอดของฝ่ายรัฐบาลอยู่ที่ 254 เสียง แต่ในช่วงเวลานี้เมื่อหายไปสองเสียงก็จะเหลือ 252 เสียง หากดูจากจำนวนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจได้เพราะ 6 เสียงอย่างน้อยของประชาธิปัตย์ยังพร้อมโหวตสวน???
การโหวตสวนของส.ส.ค่ายสีฟ้า ทำให้อย่างน้อยพลเอกประยุทธ์ จะกลายสภาพเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยทันที นี่ยังไม่ต้องพูดถึงสภาวะเสียงปริ่มที่อาจจะพากันคว่ำหมด
ฉะนั้นงานเลี้ยงที่เพิ่งเก็บโต๊ะไปดูเหมือนจะเป็นความสำเร็จของรัฐบาล แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ หากยังแก้ปัญหาความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ซึ่งดูได้ทั้งจากครั้งที่เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ รวมทั้งครั้งล่าสุดจากการประชุมส.ส.ที่กลุ่มที่สนิทกับนายอภิสิทธิ์ ยังยืนกรานหลักการเดิม อย่างที่นายอภิสิทธิ์เป็น???
ดังนั้นแล้วเรื่องของประชาธิปัตย์จึงเป็นเผือกร้อนที่พร้อมโยนเข้าใส่รัฐบาลลุงตู่ได้ทุกเวลา เป็นสนิมที่เกิดจากเนื้อในตนบนเรือเหล็ก ซึ่งปัญหาจริงอยู่ตรงนี้!!! ถ้าไม่แก้ตรงจุดนี้ก็ยากที่จะห่างออกมาจากปากเหว!?!